สนุกพาเที่ยวจันทบุรี
สัมผัสเสน่ห์สุขใจที่จันทบุรี

สนุกฮอลิเดย์จัดทริปมาเที่ยวไกลออกมาจากกรุงเทพฯ กันอีกแล้ว ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง ก็มาถึงเมืองแห่งผลไม้ทางภาคตะวันออกของประเทศอย่างจันทบุรี ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดจะเป็นที่ไหนบ้าง อย่ารอช้า ตามไปเที่ยวกันเลยดีกว่า

ชุมชนริมน้ำจันทบูร

หลังจากขับรถมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 เราเลี้ยวขวาตรงสี่แยกเขาไร่ยา เพื่อเข้าถนนรักศักดิ์ชมูล (ทางหลวงหมายเลข 316) แล้วมาเลี้ยวซ้ายอีกทีที่ถนนท่าหลวง (ทางหลวงหมายเลข 3150) เลยสถานทีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรีมาไม่ไกล ก็จะเข้าสู่ชุมชนริมน้ำซึ่งตั้งอยู่บนถนนริมน้ำที่ชาวบ้านเรียกขานกัน เป็นชุมชนเก่าแก่ริมน้ำของชาวจีนและญวนอพยพที่ยังคงความงดงามด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่และสถาปัตยกรรมอายุนับร้อยปี เราจะได้เห็นสภาพร้านค้าและบ้านเรือนทั้งทรงดั้งเดิมและสมัยใหม่อยู่ร่วมกันอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตน แต่ก็กลมกลืนลงตัว มีจุดเช็กอินสวยๆอย่างร้านกาแฟ ผนังอาร์ต ให้คนชอบถ่ายรูปไปเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ด้วย

อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล

ออกจากชุมชนริมน้ำ มาข้ามฝั่งตรงสะพานนิรมล ตรงไปอีกนิดเดียว ก็จะเจอกับโบสถ์อายุเก่าแก่กว่าร้อยปีแห่งนี้ โบสถ์คริสต์เมืองจันท์แห่งนี้สร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ตกแต่งด้วยกระจกสเตนกลาสภาพนักบุญ 13 องค์ ภายในมีรูปปั้นพระแม่มารีประดับไว้มากมายซึ่งได้รับการบริจาคจากประชาชน ปัจจุบันได้รับการยอมรับกันว่าเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่มีเก่าแก่และงดงามมากแห่งหนึ่งในประเทศไทย

อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

เช้ามืด เราวิ่งรถกลับมาทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ตามเดิม เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยา ให้มุ่งหน้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3249 ไปอีก 20 กว่ากิโลเมตร จะเจอป้ายทางเข้าอุทยานซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี เลี้ยวขวาอีกครั้งตรงไปก็จะถึงอุทยานแล้ว

อุทยานแห่งนี้ประกอบด้วยภูเขาและทิวทัศน์ที่งดงาม มียอดเขาสูงสุดที่ระดับ 1000 เมตร และมีปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะรอยพระพุทธบาทบนยอดเขา ทุกปี ทางอุทยานฯจะเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาขึ้นมากราบไหว้รอยพระพุทธบาทในช่วงต้นปี (ปีนี้จัดระหว่างวันที่ 25 มกราคม- 24 มีนาคม)

เมื่อมาถึงตอนสายๆ ผู้คนยังคงหลั่งไหลเข้ามา ที่นี่จะไม่ให้เราขับรถขึ้นไปเอง เพราะเส้นทางค่อนข้างลาดชันและอันตรายต่อผู้ไม่คุ้นชิน จึงมีบริการรถให้ขึ้นได้ 2 จุด คือขึ้นจากฝั่งวัดพลวง ซึ่งต้องต่อรถกลางเขาอีกหนึ่งต่อ เพื่อไปยังลานพระสีวลี แต่ถ้าขึ้นจากวัดกะทิง ก็สามารถนั่งต่อเดียวไปถึงลานพระสิวลีได้เลย ก่อนจะเดินเท้าขึ้นไปเขาคิชฌกูฏอีก 1 กิโลเมตรโดยประมาณ ซึ่งเส้นทางเดินก็จะเป็นทางดินสลับกับบันไดและระเบียงไม้มนขุดลานชัน รวมถึงมีหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่หลายจุดอีกด้วย

จากด้านล่างขึ้นมา จุดที่นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญควรไปให้ถึงก็คือ รอยพระพุทธบาทพลวง (ใหญ่) และบริเวณหินก้อนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงรอยพระบาท จากนั้นก็เดินต่อไปยังจุดบนสุดของเขาตรงบริเวณลานผ้าแดง เพื่อเขียนคำอธิษฐานลงไปด้วยความเชื่อที่ว่าคำขอจะเป็นจริง ซึ่งตามความเชื่อแล้วจะขอได้แค่ 1 ข้อเท่านั้น เขียนคำขอเสร็จ มองย้อนกลับลงมา ก็จะกลายเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่ควรเก็บภาพไว้สักครั้ง

สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา

ตกบ่าย เราวิ่งรถออกมาบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ย้อนเข้าตัวเมือง เข้าสู่ถนนหมายเลข 3152 แถวบ้านท่าใหม่ แล้ววิ่งไปตามถนนชลประทานหมายเลข 5029 เพื่อมุ่งสู่แหลมเสด็จ ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำฯ ภายในพื้นที่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการจัดแสดงสัตว์น้ำทั้งหมด 36 ตู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์น้ำที่หาชมได้ยาก จุดไฮไลต์สำคัญคือแทงก์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายน้ำไปมา เสมือนเรายืนอยู่ในอุโมงค์แก้วใต้ท้องทะเลลึกอย่างไรอย่างนั้น

หาดคุ้งวิมาน

ย้อนกลับออกมา เราขับรถมาตามถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ ผ่านสวนผลไม้นานาชนิดที่กลายเป็นของฝากขึ้นชื่อประจำจังหวัด สักพักก็จะเจอเข้ากับหาดคุ้งวิมาน ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชายทะเลที่สวยงามอีกแห่งของจังหวัด ช่วงที่เรามาถึงเป็นช่วงบ่ายคล้อย น้ำทะเลซัดสาดเข้าหาดขณะเรานั่งรับลมเพลินๆพอหายเหนื่อย ยิ่งได้เดินริมถนนเลียบชายฝั่งทะเลที่สวยงามที่สุดในภาคตะวันออกแล้ว ยิ่งฟินเข้าไปอีก (แต่ระวังรถราสัญจรกันด้วยนะ)

จุดชมวิวเนินนางพญา

ถัดมาไม่ไกลจากหาดคุ้งวิมานเท่าใดนัก เราขึ้นมายังจุดชมวิวขึ้นชื่อของจังหวัดในช่วงแสงสุดท้ายของวัน มองเห็นถนนเลียบชายทะเลที่ทอดยาวไปจนถึงหาดคุ้งวิมาน อ่าวคุ้งกระเบน และแหลมเสด็จ บริเวณยอดเนินจะเป็นหน้าผาสูงชัน ใครจะถ่ายรูปก็ใช้ความระมัดระวังสักนิด ถ้ามีเวลาเหลือหลังลงมาจากจุดชมวิว สามารถเข้าไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมงด้านล่างได้

จบไปอีกทริปหนึ่ง เรียกว่าขึ้นเขาลงห้วยของแท้สำหรับการเดินทางครั้งนี้ แต่ก็สร้างความสุขใจอิ่มเอมให้นักเดินทางอย่างเราได้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

ข้อมูลอ้างอิง

m-culture.go.th
chanthaburi.go.th