Pride Month คือ เดือนแห่งความภาคภูมิใจ เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและการสะท้อนความคิด ซึ่งชุมชนทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อยกย่องและสนับสนุนชุมชน LGBTQ+ เป็นเดือนที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ความเข้าใจ และการยอมรับรสนิยมทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศที่หลากหลาย ในบทความนี้ เราจะสำรวจความสำคัญของเดือนแห่งความภาคภูมิใจ ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ และการเดินทางอย่างต่อเนื่องไปสู่ความเท่าเทียมและความเคารพต่อทุกคน
เดือนแห่งความภาคภูมิใจมีจุดเริ่มต้นย้อนกลับไปที่การจลาจลสโตนวอลล์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของ LGBTQ+ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจุดเปลี่ยนในการต่อสู้เพื่อสิทธิเกย์และจุดประกายการเคลื่อนไหวระดับโลกเพื่อความเท่าเทียม เดือนแห่งความภาคภูมิใจเป็นช่วงเวลาแห่งการระลึกถึงและให้เกียรติผู้ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิที่เราได้รับในวันนี้ ตลอดจนตระหนักถึงการต่อสู้อย่างต่อเนื่องที่ชุมชน LGBTQ+ ต้องเผชิญ
LGBTQ เป็นคำที่ใช้เรียกผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ เพราะถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะมีเพียงแค่สองเพศหากจำแนกตามสรีระ แต่ในความเป็นจริงมนุษย์มีเพศมากกว่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่เพศชาย หรือเพศหญิง ในอดีตกลุ่มคนเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดของสังคม และไม่ได้รับการยอมรับให้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และในรายที่รุนแรงอาจถูกครอบครัวของตนเองกีดกัน และบังคับให้ปฏิบัติตัวตามแบบแผนที่เคยทำมาตั้งแต่โบราณ อาทิการต้องฝืนใจแต่งงานกับผู้หญิงหรือผู้ชายที่ทางครอบครัวเลือกให้ เพื่อเป็นการสืบทอดวงศ์ตระกูล และเป็นการรักษาไว้ซึ่งเกียรติของครอบครัว แต่ในปัจจุบันกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเริ่มได้รับการยอมรับมากกว่าในอดีต มีการใช้คำเรียกที่มีความหลากหลายมากขึ้น
L Lesbian คือผู้หญิงที่มีรสนิยมชอบผู้หญิง
G Gay คือผู้ชายที่มีรสนิยมชมผู้ชาย
B Bisexaul คือคนที่มีรสนิยมสามารถชอบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
T Transgender คือบุคคลข้ามเพศ ซึ่งมีทั้งผู้หญิงข้ามเพศมาจากผู้ชาย และผู้ชายที่ข้ามเพศมาจากผู้หญิง
Q Queer เป็นคำเรียกกว้างๆ ของกลุ่มคนที่มีเพศลื่นไหล ไม่ได้จำกัดกรอบว่าตนจะต้องชอบเพศไหน
ซึ่งไม่เพียงแต่ LGBTQ เท่านั้น ยังคงมีตัวอักษรระบุเพศอีกมากมาย อย่าง I Intersex คือบุคคลที่มีเพศสองเพศ หรือ A Asexual คือคนที่ไม่ได้มีความฝักใฝ่ทางเพศ
อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า LGBTQ นั้นเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย และสีรุ้งเองก็เป็นการรวมตัวกันของหลายสีมาเป็นหนึ่งเดียวเพื่อสร้างสีสัน โดยสีรุ้งที่มาเป็นสัญลักษณ์ของคนกลุ่มนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการออกแบบธงสีรุ้งของ Gilbert Baker ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ในปี 1978 ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากธงชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาในวาระฉลองครบรอบ 200 ปี ในปี 1976 โดยในแรกเริ่มธงนี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 สี ได้แก่
ภายหลังได้มีการลดจำนวนของสีบนธงลงเหลือเพียง 6 สี โดยสีที่ถูกถอดออกคือ Hot pink และสีฟ้า Turquoise เนื่องจากเป็นสีที่มีความพิเศษ ทำให้ยากต่อการผลิต แต่ถึงแม้ว่าจะถูกลดทอนสีลงเหลือเพียงแค่ 6 แต่ความหมายของสีต่างๆ ก็ยังคงเป็นเช่นเคย
ในขณะที่การต่อสู้เพื่อสิทธิของ LGBTQ+ มีความก้าวหน้าอย่างมาก ความท้าทายและการเลือกปฏิบัติยังคงมีอยู่ เดือนแห่งความภาคภูมิใจทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจถึงงานที่ยังคงต้องทำเพื่อให้บรรลุความเท่าเทียมกันอย่างเต็มที่ เป็นโอกาสที่จะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ เช่น สิทธิทางกฎหมาย การเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงาน ความไม่เสมอภาคด้านสุขภาพจิต และการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใครที่บุคคลข้ามเพศและบุคคล ที่ไม่ใช่ทุกคนต้องเผชิญ ความท้าทายเหล่านี้ เราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมที่ครอบคลุมและเท่าเทียมกันมากขึ้น
ชุมชน LGBTQ+ ครอบคลุมบุคคลจากภูมิหลังทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย เดือนแห่งความภาคภูมิใจเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตระหนักและเฉลิมฉลองความเป็นคู่ตรงข้าม ให้โอกาสในการรับทราบและจัดการกับความท้าทายเฉพาะที่บุคคล LGBTQ+ เผชิญ ซึ่งเป็นสมาชิกของชุมชนอื่นๆ ด้วย เราสามารถสร้างการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งและเป็นเอกภาพมากขึ้นด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความเข้าใจ
เดือนแห่งความภาคภูมิใจเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลาย ยอมรับการอยู่ร่วมกัน และส่งเสริมความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน เป็นเดือนที่กระตุ้นให้เราไตร่ตรองถึงความคืบหน้า ตระหนักถึงความท้าทายอย่างต่อเนื่องที่ชุมชน LGBTQ+ ต้องเผชิญ และดำเนินการเพื่อสร้างโลกที่ยอมรับมากขึ้น ด้วยการเฉลิมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจ เราไม่เพียงแต่ยกย่องอดีตเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่ออนาคตที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างแท้จริงและด้วยความภาคภูมิใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Amnesty International Thailand