หลวงพระบาง เป็นเมืองหลักของแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกันบริเวณนั้นเรียกว่า ปากคาน เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย
หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ เป็นราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรล้านช้าง สมัยแรกเริ่มสถาปนาอาณาจักรล้านช้าง แต่เดิมมีชื่อว่า “เมืองซวา” และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอซึ่งถือเป็นปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น “เชียงทอง”
หลวงพระบางมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย เมืองนี้จึงเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย เช่น
วัดพระธาตุหลวง เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในหลวงพระบาง เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุหลวงซึ่งเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของลาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ริมแม่น้ำโขง
พระธาตุหลวงเป็นเจดีย์ทรงระฆังสี่เหลี่ยมศิลปะล้านช้าง ฐานเจดีย์กว้างด้านละ 69 เมตร สูง 45 เมตร องค์ระฆังเป็นชั้นเดียว ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น ยอดเจดีย์เป็นทองคำ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า
วัดพระธาตุหลวงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชมหาราช กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 1915 เพื่อเป็นพุทธบูชาและเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ต่อมาได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้ามังรายมหาราช กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2091
วัดพระธาตุหลวงเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของลาว เป็นที่เคารพสักการะของชาวลาวทั้งประเทศ ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมานมัสการพระธาตุหลวงเป็นจำนวนมาก
วัดเชียงทอง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2103 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ทางทิศเหนือของเมืองหลวงพระบาง
วัดเชียงทองเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนเหนือที่งดงามมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีของศิลปะล้านช้าง”
จุดเด่นของวัดเชียงทองอยู่ที่สิมหรือพระอุโบสถ ซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ หลังคาซ้อนสามชั้น ตั้งอยู่บนฐานสูง ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกสีอย่างวิจิตรบรรจง หน้าบันสิมแกะสลักเป็นรูปลายดอกตาเว็นหรือลายดวงอาทิตย์ ผนังด้านนอกและด้านในสิมประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า “ลายฟอกคำ”
ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะล้านช้าง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีพระอัครสาวกซ้ายขวาประทับนั่งอยู่ ด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพต้นทอง
วัดสีสะเกด เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าโพธิสารราช กษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2094 ตั้งอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
วัดสีสะเกดเดิมมีชื่อว่า วัดสะตะสะหัสสาราม แปลว่า “วัดที่มีพระพุทธรูปแสนองค์” เนื่องจากในอดีตวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนับแสนองค์ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงประมาณ 10,000 องค์เท่านั้น
จุดเด่นของวัดสีสะเกดอยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบล้านช้างประยุกต์ ผสมผสานระหว่างศิลปะล้านช้างและศิลปะรัตนโกสินทร์ สิมหรือพระอุโบสถของวัดสีสะเกดเป็นอาคารหลังใหญ่ หลังคาซ้อนสามชั้น ตั้งอยู่บนฐานสูง ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกสีอย่างวิจิตรบรรจง หน้าบันสิมแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ผนังด้านนอกและด้านในสิมประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า “ลายฟอกคำ”
ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะล้านช้าง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีพระอัครสาวกซ้ายขวาประทับนั่งอยู่ ด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพพุทธประวัติ
วัดแสนสุขาราม หรือ วัดแสน เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนถนนเชียงทอง ในหลวงพระบาง ประเทศลาว สร้างขึ้นในพ.ศ. 2261 โดยตาเจ้ารั่ง ในสมัยเจ้ากิ่งกิสราช ชื่อของวัดแสนมาจากจำนวนเงิน 100,000 กีบ ที่มีผู้บริจาคให้เป็นทุนเริ่มสร้าง วัดสร้างขึ้นภายหลังที่นครหลวงพระบางแยกออกจากนครเวียงจันทน์ ได้ 11 ปี
วัดแสนสุขารามเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างตอนกลาง โดดเด่นด้วยสิมหรือพระอุโบสถ ซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ หลังคาซ้อนสามชั้น ตั้งอยู่บนฐานสูง ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระจกสีอย่างวิจิตรบรรจง หน้าบันสิมแกะสลักเป็นรูปลายดอกตาเว็นหรือลายดวงอาทิตย์ ผนังด้านนอกและด้านในสิมประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า “ลายฟอกคำ”
ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะล้านช้าง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีพระอัครสาวกซ้ายขวาประทับนั่งอยู่ ด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพต้นทอง
นอกจากสิมแล้ว ภายในวัดแสนสุขารามยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น หอพระยืน หอรอยพระพุทธบาทจำลอง เป็นต้น
จุดเด่นของวัดแสนสุขาราม ได้แก่
วัดวิชุนราช เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุลราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2058
วัดวิชุนราชเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบขอมที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย โดดเด่นด้วยสิมหรือพระอุโบสถ ซึ่งเป็นอาคารหลังใหญ่ หลังคาซ้อนสามชั้น ตั้งอยู่บนฐานสูง ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นอย่างวิจิตรบรรจง หน้าบันสิมแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ผนังด้านนอกและด้านในสิมประดับด้วยลายรดน้ำปิดทองบนพื้นสีดำ เรียกว่า “ลายฟอกคำ”
ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ศิลปะล้านช้าง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีพระอัครสาวกซ้ายขวาประทับนั่งอยู่ ด้านหลังของสิมประดับด้วยภาพประดับกระจกสีเป็นภาพพุทธประวัติ
นอกจากสิมแล้ว ภายในวัดวิชุนราชยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ธาตุหมากโม หอพระแก้ว หอพระนอน เป็นต้น
จุดเด่นของวัดวิชุนราช ได้แก่
วัดวิชุนราชเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนหลวงพระบาง นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมแบบขอม และสัมผัสกับบรรยากาศอันสงบร่มรื่นของวัดได้
หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง หรือ หอคำ เดิมคือพระราชวังของเจ้ามหาชีวิตหลวงพระบาง จึงเรียกอีกชื่อว่า วังเจ้ามหาชีวิต ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ริมแม่น้ำโขง
หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อปี พ.ศ. 2447 เพื่อเป็นพระราชวังที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นหอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2519
หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางเป็นอาคารชั้นเดียว แต่ยกพื้นสูง หลังคาเป็นแบบล้านช้าง บริเวณหน้าประตูปูหินอ่อนจากอิตาลี ห้องต่าง ๆ ในอาคาร ได้แก่ ห้องฟังธรรมของเจ้ามหาชีวิต มีพระพุทธรูปจำนวนหนึ่ง รวมถึงธรรมาสน์ของพระสังฆราช ด้านหลังเป็นท้องพระโรง ห้องรับรองราชอาคันตุกะ มีภาพเขียนที่ฝาผนัง เป็นภาพวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีของคนลาว รวมถึงรูปขบวนเจ้ามหาชีวิตเสด็จไปสรงน้ำพระที่วัดเชียงทองและวัดใหม่สุวรรณภูมารามเป็นภาพเขียนแนวลัทธิประทับใจ เขียนโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส ยังมีรูปปั้นครึ่งพระองค์ของเจ้ามหาชีวิตลาว 4 พระองค์ และภาพรามเกียรติ์ปิดทองเคลือบเงาจากศิลปินลาว
ปัจจุบัน หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุจากยุคต่างๆ ของลาว เช่น พระพุทธรูป วัตถุมงคล เครื่องใช้ อาวุธ เครื่องประดับ ฯลฯ แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของลาว
หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบางเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนหลวงพระบาง นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของลาวได้จากโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่จัดแสดง