logo
image

icon-travel-2 ลี่เจียง เมืองแห่งหุบเขา ชนเผ่า และวัฒนธรรม

ลี่เจียง เมืองแห่งหุบเขา ชนเผ่า และวัฒนธรรม

พฤศจิกายน 27, 2018
แชร์ :

สวัสดีค่ะ พบกับ HonieBeeกันอีกแล้ว เรื่องมันก็มีอยู่ว่า สงกรานต์ที่ผ่านมา HonieBee ได้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศจีนนั้นเองเลยอยากมาแชร์ประมาสบการณ์และภาพสวยๆให้เพื่อนๆชาวสนุกฮอลิเดย์ของเราได้อ่านกัน เมืองที่ไปนั้นก็คือ คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แต่ไฮไลท์ ของทริปนี้นั้นจะอยู่ที่เมืองลี่เจียง

ลี่เจียง เป็นเขตการปกครองที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นเขตเมืองและเขตชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทริปนี้เราออกจากสนามบินคุนหมิงและนั่งรถไปนอนที่เมืองต้าหลี่ ใช้เวลาประมาณ 4ชั่วโมง และจากต้าหลี่ไปยังลี่เจียงใช้เวลาประมาณ 2.30ชั่วโมงคะ ระหว่างทางวิวสวยมากกกกกกกกกกก นั่งรถไม่เบื่อเลย ถึงลี่เจียง เรานอนพักเอาแรงเพื่อเที่ยวลี่เจียงในวันต่อไป

มาดูกันสิว่า 1 วันในเมืองลี่เจียง เราเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ขอบอกเลยว่าเมืองนี้ถ้าใครได้ไปต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน 15 เมษายน 2561 เราออกจากโรงแรมกันตั้งแต่ 07.00 น. สภาพอากาศดูไม่ค่อยเป็นใจนัก เมฆค่อนข้างจะหนา ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าตกเลยนะฝนจ๋า >< ที่แรกที่เราจะไปก็คือ ขึ้นกระเช้าใหญ่ ไปบนยอดสูงสุดของภูเขาหิมะมังกรหยกกันค่ะ

เดินทางออกจาก โรงแรมประมาณ 30 นาที ก็ถึงจุดเปลี่ยนรถ จากนี้เราต้องใช้รถบัสของอุทยานในการเดินทาง นั่งบัสอุทยานไปประมาณ 10 นาที ก็จะถึงจุดขึ้นกระเช้าใหญ่ค่ะ ยังไม่ทันจะขึ้นไปถึงยอดอากาศก็หนาวสะท้านไปหมดแล้ว ถ้าใครเตรียมเสื้อมาไม่พอ ทางอุทยานก็จะมีให้เช่าด้วยนะคะ ที่จะเห็นเป็นเสื้อสีส้มๆแดงๆ

ภูเขาหิมะมังกรหยก หรือ อวี้หลงเสวี่ยซาน ประกอบด้วยยอดเขา 13 ยอด เป็นสัญลักษณ์ของเมืองลี่เจียง ยอดเขาที่สูงที่สุดสูงถึง 5,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล และมีคนปีนขึ้นไปครั้งแรกเมื่อปี 1963 ว้าววววววใครเกิดทันบ้างคะ 55555

ขึ้นกระเช้าช่วงแรกยังเห็นเป็นป่า ต้นไม้ ช่วงที่เราไปยังมีดอกซากุระเมืองจีนบานอยู่เต็มไปหมดเลย สีชมพูสวยไปอีกแบบ
จะบอกอีกอย่างคือกระเช้าที่นี่ขึ้นแนวชันมาก หวาดเสียวสุดๆ 5555555

ผ่านไปสักพัก เริ่มหมดช่วงที่เป็นป่า จะเริ่มเห็นภูเขาน้ำแข็ง และอุณภูมิก็ลดลงเรื่อยๆค่ะ ยังไม่ถึงยอดก็ถึงกับร้องว้าวกันแล้วเพราะมันสวยมากๆๆๆๆ

แท่นแทนนนนนนนน ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงระดับ 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก อุณภูมิ ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ -2 องศา หนาวปากสั่นมือแข็งไปหมด แถมยังมีหิมะตกปรอยๆอีกด้วย ทั้งดีใจทั้งหนาว

จะเห็นว่ามีทางเดินสามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้อีก สำหรับผู้ที่มีกำลังวังชาดีๆ สามารถเดินขึ้นไปได้จนถึงความสูง 4,680 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้านบนจะมีจุดขายเหรียญที่ระลึกสำหรับผู้พิชิตความสูงได้ และสามารถสลักชื่อเราลงไปได้ด้วย แต่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆบอบบางอย่างเรา ขอรอในคาเฟ่อุ่นๆแล้วกันเนอะ ^^

หลังจากนั้นเราก็ลงจากเขากันและมาขึ้นรถของอุทยานไปยัง ไป๋สุ่ยเหอ หรือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (The Blue Moon Valley)

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่งดงามชวนหลงใหล โดยความงามครั้งนี้รวมฝีมือมนุษย์และศิลปะธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียว ไป๋สุ่ยเหอนี้เลียนแบบมาจาก ไป๋สุ่ยไถ น้ำตกหินปูนขั้นบันไดที่จงเตี้ยน แต่ที่ลี่เจียงนี้ มนุษย์ได้สร้างขึ้นท่ามกลางขุนเขาแห่งหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ใช้เวลาเดินทางจากจุดลงกระเช้าประมาณ 15-20 นาทีค่ะ

บอกได้คำเดียวว่าสวย สวยมากจริงๆ ทะเลสาบน้ำเป็นสีเขียวมรกต อมฟ้า ใสจนมองเห็นพื้นดินกันเลยค่ะ ถ้าวันนี้ฟ้าเปิดเราจะได้เห็นฉากหลังเป็นภูเขาหิมะมังกรหยกอีกด้วย จุดที่เราแวะเป็นจุดแวะถ่ายรูปที่ทางอุทยานทำไว้ จริงๆเราสามารถนั่งรถรางไฟฟ้า ชมทะเลสาบได้ โดยรถจะแวะให้เราชมทั้งหมด 5 จุด เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม 60 หยวนต่อคนค่ะ แต่เวลาของเราวันนี้ไม่ทันจริงๆเผื่อเวลาในการต่อคิวขึ้นรถอุทยานผิดไปนิดนึงเลยได้แวะแค่จุดเดียวเท่านั้น เสียดายมากๆ T^T

จากนั้นเราต้องรีบขึ้นรถของอุทยาน เพื่อไปดูโชว์ Impression of Lijiang ในเวลา 13.30 น. การแสดงโชว์ “Impression Lijiang” กำกับการแสดงโดยจาง อี้ โหมว ซึ่งได้เนรมิตเวทีการแสดงกลางแจ้งขึ้นมาบนความสูงกว่า 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล โดยมี ภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นฉากหลังอันอลังการใช้นักแสดงซึ่งเป็นชาวบ้านกว่า 600 ชีวิต มาโชว์ร้อง เต้น เล่น พร้อมแสง สี เสียง และการแต่งกายแบบสวยงาม ซึ่งเนื้อหาของการแสดงเป็นการเล่าเรื่องราว ให้ได้รับรู้ถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของชนเผ่าต่างๆ ในเมืองลี่เจียง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มาลี่เจียงแห่งนี้แล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ

คนดูเยอะมาก และลมก็แรงมากเช่นกันค่ะ

เรียกว่าได้เห็นวัฒนธรรม ความเชื่อ ชนเผ่าต่างๆ ของเมืองลี่เจียงผ่านโชว์นี้ทั้งหมด อาจจะฟังภาษาจีนไม่เข้าใจแต่ก็สามารถรับรู้ได้ผ่านการแสดงค่ะ ใหญ่โตอลังการ ไม่เสียชื่อผู้กำกับชื่อดัง จาง อี้ โหมว เลยจริงๆค่ะ ใช้เวลาแสดงประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งก็เป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมง

ขอทานอาหารเที่ยงกันสักครู่ก่อนเดินทางต่อ มื้อนี้เราเป็นอาหารสุกี้ แบบแยกหม้อ หนาวๆมาแล้วได้ซดน้ำร้อนๆ ฟินเฟ่อร์เลยค่ะ

หลังจากอิ่มท้องแล้วเราก็ไปขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวกันต่อค่ะ แต่คราวนี้เปลี่ยนใช้รถบัสของเราเองแล้ว สถานที่ต่อไปของเราในวันนี้ก็คือ อุทยานน้ำหยก ชมบ่อน้ำพุที่ไหลมาจากภูเขาหิมะมังกรหยก และไหว้ขอพรจากเทพเจ้าแห่งธรรมชาติ ที่คนลี่เจียงนับถือกันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที

เทพเจ้าแห่งธรรมชาติค่ะลักษณะครึ่งบนเป็นคน ครึ่งล่างเป็นงู เป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชนเผาไปกราบไหว้ จากนั้นเราก็เดินทางต่อเข้าเมืองลี่เจียงเพิ่มไปยังเมืองโบราญลี่เจียงกันค่ะ รถจะจอดส่งเราด้านฝั่งสระน้ำมังกรดำ ซึ่งจะเดินต่อไปเมืองโบราญลี่เจียงได้ค่ะ

สระน้ำมังกรดำ (Black Dragon Pool) หรือเฮยหลงถัน อยู่ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่นี้มีที่มาจากตำนานเล่าขานกันว่าในอดีตมีคนพบเห็นมังกรดำปรากฏกายใต้น้ำบ้าง ผุดขึ้นมาจากสระน้ำบ้าง เลยมีชื่อว่าสระน้ำมังกรดำค่ะ

เดินเรียบลำธารเล็กๆไปเรื่อยๆก็จะถึงเมืองโบราญค่ะ

ถึงแล้วเมืองโบราญลี่เจียง เมืองเก่ากว่า 800 ปี ที่มีสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแตกต่างไปจากเมืองโบราณอื่นๆของจีน เนื่องจากเป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งรกรากของชาวหน่าซี หรือนาซี มาตั้งแต่สมัยโบราณ เมืองนี้ยังได้รับการขนานนามว่า “เวนิสแห่งตะวันออก” และเป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย และเมืองโบราณลี่เจียงเองก็ยังคงรักษาความงามในอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี มีทางเดินที่ปูด้วยหินอัดแน่น อาคารไม้แบบจีนโบราณ ลำธารที่ไหลผ่านเกือบทุกหลังคาเรือน สะพานโค้งหินเก่าแก่ ต้นหลิวริมลำธารที่กิ่งใบลู่ไหวไปตามสายลม ขายของที่ระลึก ขนมและอาหารพื้นเมืองค่ะ

ช่วงเวลากลางคืนเมืองโบราญนี่ก็ยังมีร้านนั่งดื่มนั่งชิลเปิดเป็นจำนวนมากอีกด้วย เป็นยังไงบ้างคะ เมืองลี่เจียง เมืองที่เติมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามและวัฒนธรรมชนเผ่าอันทรงคุณค่า
มีเวลา 1 วันก็เที่ยวได้เยอะขนาดนี้แล้วถือว่าคุ้มมากๆ เอาเป็นว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น อยากให้ทุกท่านได้มาสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ แล้วรับรองว่าประทับใจกันอย่างแน่นอน วันนี้ HonieBee ก็ของลาไปก่อน….เจอกันทริปหน้าจ้า

บ๊าย บายยยยยยยยยยยยยย

ทัวร์จีน


บทความที่เกี่ยวข้อง