“หากพูดถึง “จังหวัดเลย” นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะนึกถึง “ภูกระดึงและเชียงคาน” ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก สำหรับโดยส่วนตัวผมแล้วนั้นเคยเดินทางมายังจังหวัดเลยประมาณ 4 หนเห็นจะได้ ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งที่ผมเดินทางมาบ่อยพอสมควร แต่จุดหมายปลายทางของผมในทริปนี้ก็คือ “ภูลำดวน” ซึ่งผมได้รับคำแนะนำจากลูกค้าที่มาใช้บริการที่โรงแรมที่ผมทำงานอยู่ ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินไปที่นั่น
เนื่องจากที่ “ภูลำดวน” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ผมเลยคิดว่าถ้าไปช้ากว่านี้ความสวยงามมันคงจะจางหายไปพอสมควร เมื่อตัดสินใจว่าจะไปที่นี่แล้ว ผมก็จัดการจัดตารางวันหยุด ซื้อตั๋ว ศึกษาเส้นทางที่จะไปยัง “ภูลำดวน” ซึ่งตั้งอยู่อำเภอปากชม ผมจึงเลือกที่จะซื้อตั๋วรถทัวร์ไปลงที่อำเภอเชียงคานแล้วค่อยหาเช่ารถมอเตอร์ไซค์เดินทางต่อไปยังอำเภอปากชมต่อ ทุกอย่างพร้อมสรรพสำหรับการเดินทาง จากนี้ก็แค่นั่งนับวันให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ
“วันที่ 16 ธันวาคม 2560 เวลา 17:17 น.” ผมเดินทางโดยแท็กซี่ออกจากบ้านผมที่อยู่ย่านสายไหมเพื่อมุ่งหน้าไปขึ้นรถทัวร์ของบริษัทภูกระดึงทัวร์/แสงสุวรรณแอร์(บขส. เต็ม)ที่สถานีขนส่งหมอชิต
รถออกจากชานชาลาที่ 78 เวลาประมาณ 20:30 น. ซึ่งผมมาถึงก่อนเวลาพอสมควร จึงได้แต่เดินไปเดินมาหาที่นั่งเพื่อฆ่าเวลาให้มันผ่านพ้นโดยเร็ว
ผมเดินไปเดินมาหลายรอบจนเด็กเดินตั๋วรู้หมดละว่าผมจะไปไหน และในที่สุดก็ใกล้เวลาเดินทางเข้าไปทุกทีแล้ว ผมจึงเดินไปรอขึ้นรถทัวร์ที่ชานชาลาที่ 78 พอมาถึงก็เห็นมีผู้โดยสารยืนรอเต็มไปหมด จากนั้นผู้โดยสารก็ทยอยเดินขึ้นรถทัวร์และนั่งประจำตามที่นั่งของตนเอง(ยกเว้นผมซึ่งเจอคนตีเนียนนั่งที่ของผม)
“เวลา 20:44 น.” รถทัวร์เคลื่อนตัวออกจากชานชาลามุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางสู่อำเภอเชียงคาน ผมขอหลับเอาแรงเพื่อลุยในวันพรุ่งนี้ก่อนนะครับ เจอกันที่อำเภอเชียงคานครับ
“เวลา 23:23 น.” รถทัวร์เดินทางมาถึงจุดพักรถประเดิมชัย ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ผมเดินลงจากรถทัวร์เพื่อไปเข้าห้องน้ำ ยืดเข้งยืดขา พอเดินลงมายังด้านล่างร่างกายผมก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นนิดๆ รถทัวร์จอดให้รับประทานอาหารที่นี่ประมาณ 30 นาทีครับหรือบางทีอาจจะไม่ถึงเวลาที่กำหนดให้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของพนักงานขับรถและผู้โดยสารครับ ผมขอตัวนอนต่อละครับแล้วเจอกันตอนเช้านะครับ
“วันที่ 17 ธันวาคม 2560 เวลา 06:00 น.” ประหนึ่งนั่งรถทัวร์สายหวานเย็น จอดบ่อยมากพ่อคุณเอ้ย ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงอำเภอเชียงคาน ผมจึงเริ่มการเดินทางที่ผมวางแผนไว้ เริ่มจากการลากกระเป๋าลงจากรถก่อนจากนั้นผมก็ตกลงราคากับรถสามล้อซึ่งที่นี่แรกกันว่าสกายแลปเพื่อเดินทางไปยังภูทอก(จริงๆเคยไปมาละ) ผมตกลงเช่าสกายแลปไป-กลับในราคา 200 บาท ผมใช้เวลาสักประมาณ 20 นาทีจากจุดจอดรถทัวร์มายังจุดชมทะเลหมอกภูทอก อากาศค่อนข้างเย็นและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้าแถวซื้อตั๋วและรอคิวรถขึ้นไปยังด้านบนภูทอก
แถวยืนรอซื้อตั๋วขึ้นยอดภูทอกยาวมาก คือเอาจริงๆแล้วผมไม่ขึ้นไปก็ได้นะเพราะเคยขึ้นมาแล้วแต่เมื่อไหนๆมาแล้วก็ต้องขึ้นสักหน่อย เผื่อจะได้บรรยากาศที่ไปจากเดิมที่ผมเคยเห็น ตั๋วรถขึ้นไปยอดภูทอกไป-กลับราคาคนละ 25 บาทครับ เมื่อได้ตั๋วแล้วขั้นตอนต่อไปคือการยืนรอรถ
โอ้ว…..แม่จ้าวทำไมนักท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ แต่ไม่ต้องกลัวว่านักท่องเที่ยวจะแย่งกันขึ้นนะเพราะที่นี่เขามีคนจัดคิวรถไว้บริการนักท่องเที่ยว
ระหว่างนั่งรถขึ้นไปก็จับให้แน่ๆนะครับเดี๋ยวจะร่วงรถซะ ผมยืนรอคิวขึ้นรถอยู่ประมาณ 10 นาทีก็ถึงคิวผม พอถึงด้านบนยอดภูทอกสิ่งที่ผมเห็นก็คือบรรยากาศที่ไร้ทะเลหมอกและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งที่เพิ่งขึ้นไปถึงและรอรถกลับลงไปด้านล่าง ผมเห็นสภาพแออัดแบบนี้แล้วทำให้ผมสบายใจได้เลยว่าอยู่ข้างบนภูทอกไปยาวๆเลยครับไม่ต้องรีบ
ผมมาไม่ทันได้เห็นพระอาทิตย์หรอกครับ แต่บรรยากาศที่ผมเห็นและผมได้สัมผัสมันก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่งครับ
เป็นยังไงบ้างครับสำหรับภาพบรรยากาศด้านบนภูทอกในวันที่ไร้หมอก ผมใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติและถ่ายภาพอยู่ด้านบนสักครู่หนึ่งครับผมก็ไปเข้าคิวต่อแถวเพื่อรอรถไปส่งยังด้านล่าง
“เวลา 07:32 น.” ผมลงมาจากยอดภูทอกและเตรียมตัวที่จะเดินทางกลับเข้าไปในตัวเมืองอำเภอเชียงคานที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่กว่าที่ผมจะกับคนขับรถสกายแลปจะเจอกันก็เล่นผมลุ้นเหนื่อยเหมือนกันครับเนื่องจากโทรศัพท์ผมอยู่ดีๆหน้าจอดับ ผมจึงใช้ความเป็นคนอัธยาศัยดียืมโทรศัพท์มือถือแม่ค้าร้านกล้วยปิ้งโทร ฮ่าๆ(หน้าด้านมาก) จนผมกับคนขับรถสกายแลปได้เจอกัน ผมให้คนขับรถสกายแลปจอดส่งผมที่ปากซอยถนนศรีเชียงคานซอย 19 เพื่อแวะซ่อมโทรศัพท์แต่พอช่างซ่อมโทรศัพท์เห็นพลางพูดขึ้นมาว่าโทรศัพท์ไม่เสียแต่ที่หน้าจอมันมืดดับเป็นเพราะว่ามือผมไปปรับโดนตรงความสว่างของหน้าจอให้มันมืดไปเอง โง่จริงๆเลยเรา จากนั้นผมเดินเท้าต่อไปยังถนนศรีเชียงคานซอย 9 เพราะผมมีนัดกับป้าติ้งที่นี่ครับ ผมมีนัดเช่ารถกับป้าติ้งครับ พอป้าติ้งแกเห็นผมแกก็ยกมือดักกวักมือเรียกผมทันที ป้าติ้งแกเปิดร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ แต่วันที่ผมไปถึงคือเช้าวันอาทิตย์ลูกค้าที่เช่ารถร้านป้าติ้งไปยังไม่มีใครนำรถมาส่งคืนแก ป้าติ้งแกเลยอาสาจัดการเรื่องหารถเช่าให้กับผม(เบอร์ป้าติ้ง 080-1884624)
รถมอเตอร์ไซค์ประจำทริปนี้ของผมคือ Suzuki Skydrive 125 ครับ ราคาเช่าวันละ 250 บาทไม่มีเงินมัดจำแต่ต้องวางบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐานในการเช่า
“เวลา 08:45 น.” การเดินทางแบบชีวิตติดล้อของผมได้เริ่มขึ้นแล้ว
การมาเชียงคานครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 สำหรับผมและทุกครั้งที่ผมมาที่นี่สิ่งหนึ่งที่ผมจะต้องทำคือการแวะไปเยี่ยมพี่อ้อมร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ถนนศรีเชียงคานซอย 10(เรียบโขง)เนื่องจากการมาที่นี่ครั้งแรกของผมและเพื่อนในทริปนั้นได้รับความช่วยเหลือจากพี่อ้อมเยอะมากๆ และผมก็อุดหนุนพี่อ้อมอีกเช่นเคย
และนี่ถือว่าเป็นการเติมพลังให้กับตัวเองก่อนออกเดินทางไปภูลำดวนที่อำเภอปากชมต่อครับ
ช่วงระหว่างรอการเดินทางไปยังอำเภอปากชมผมก็เดินเล่นบริเวณถนนคนเดินเชียงคาน
บ้านเก่าหลังนี้อยู่คู่เชียงคานมานานก็ยังคงมีมนต์สเน่ห์เสมอ
บรรดาแม่ค้า พ่อค้า ก็ยังคงออกมาหารายได้อยู่ตลอดเวลาอาจจะเยอะบ้าง น้อยบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับวันหยุด
“เวลา 11:04 น.” ผมร่ำลาพี่อ้อมและเดินทางออกจากร้านพี่อ้อมเพื่อมุ่งหน้าสู่ “ภูลำดวน” ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของผมในทริปนี้ จากป้ายบอกทางจากอำเภอเชียงคานถึงอำเภอปากชมระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร ซึ่งสำหรับผมแล้วระยะทางแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยสำหรับผมมาก
ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียบริมแม่น้ำโขงมาเรื่อยๆ
ผมใช้เวลาในการขี่ไม่นานนักผมก็เข้าเขตอำเภอปากชมแล้วครับ
จากป้ายเขตอำเภอปากชมตรงนี้ ผมก็ต้องขี่ตรงไปอีก 10 กิโลเมตรก็จะถึงทางขึ้นภูลำดวน
“เวลา 11:50 น.” ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงจุดทางขึ้นภูลำดวนแล้วครับ
ผมนำรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดเสียค่าบริการ 5 บาท/คัน ส่วนรถยนต์ 20 บาท/คัน และเมื่อจอดรถเสร็จผมก็ติดต่อคนที่ดูแลพื้นที่เกี่ยวกับสถานที่กางเต็นท์ในค่ำคืนนี้ แต่คำตอบที่ผมได้รับก็คือทางผู้ดูแลภูลำดวนยังไม่อนุญาตให้ขึ้นไปกางเต็นท์ด้านบนเนื่องจากความไม่พร้อมในหลายๆด้านและเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก หากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจจะกางเต็นท์ทางผู้ดูแลก็จัดเตรียมพื้นที่ไว้ให้ เมื่อผมรู้ข้อมูลเชิงลึกแล้วทำให้ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ผมนั่งคิด วิเคราะห์ จนในที่สุดผมจึงตัดสินใจที่จะนอนที่ภูลำดวนนี่แหละครับ ไหนๆก็มาแล้ว ผมกะจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นและชมพระอาทิตย์ขึ้นกับทะเลหมอกในตอนเช้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนอนกันที่อื่นแล้วค่อยมากันที่นี่ในตอนเย็นหรือเช้าแล้วนั่งรถซิ่งที่มีไว้บริการขึ้นหรือใครจะเดินขึ้นก็ไม่มีปัญหาระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ส่วนบรรยากาศโดยรอบด่านล่างภูลำดวนก็จะมีร้านขายของกิน ร้านกาแฟ และจุดซื้อตั๋วรถซิ่งขึ้นด้านบนภูลำดวน
ตั้งแต่มาถึงจนถึงตอนนี้ผมได้แต่นั่งรอเวลาที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ด้านบนยอดภูลำดวน ข้อสรุปของผมในวันนี้คือ คืนนี้ผมนอนที่จุดกางเต็นท์ตรงทางขึ้นภูลำดวน แต่ก็แอบเสียดายที่เขาไม่อนญาตให้ขึ้นไปกางเต็นท์ด้านบน เอาจริงๆแล้วผมถือว่าเป็นลูกค้ารายแรกของที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากผมก็มีแต่เพื่อนๆของพี่คนที่ดูแลที่นี่แหละครับที่มานอน อ่อๆพี่คนที่ดูแลที่นี่ก็เป็นที่ดินในส่วนของเขานะครับ พี่เขาชื่อ พี่คำทัก สีวี เบอร์ติดต่อ 089-6677663 , 082-1027763 , 084-1776922 พี่คำทักให้ผมราคาโปรโมชั่นที่ราคา 99 บาท เป็นราคาประเดิมครับ
และนี่ก็คือที่หลับนอนของผมในค่ำคืนนี้(คนเดียวด้วยครับ) เนื่องจากผมเดินทางมาถึงที่นี่เร็วและผมก็ไม่รู้จะไปไหนครั้นจะขึ้นยอดภูลำดวนตอนนี้ก็คงจะสู้แสงแดดตอนเที่ยงวันไม่ได้ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นก็ตามที ผมอาศัยร้านกาแฟเป็นที่นั่งเล่น เขียนบันทึก ถ่ายรูปในมุมต่างๆ เพื่อเป็นฆ่าเวลา
“เวลา 16:45 น.” ได้เวลาอันเป็นที่เหมาะสมแล้วผมเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการขึ้นไปด้านบนของยอดภูลำดวน หลักก็มี กล้องกับน้ำดื่มครับ ราคาตั๋วรถซิ่งขึ้นภูลำดวนอยู่ที่ราคา 50 บาทครับ
รอบที่ผมขึ้นมีแต่แก็งค์เด็กๆทั้งนั้น ทำให้ผมดูเด็กลงไปนิดหนึ่ง ฮ่าๆ รถซิ่ง 1 คันสามารถบรรทุกนั่งท่องเที่ยวได้รอบละไม่เกิน 6 คน
ทางขึ้นค่อนข้างชันและฝุ่นก็เยอะแนะนำให้ติดผ้าไปด้วยเพื่อปิดปาก ปิดจมูก ระยะทางขึ้นประมาณ 1.2 กิโลเมตรอย่างที่บอกไปเมื่อข้างต้น
ใช้เวลาในการขึ้นประมาณ 20-30 นาทีครับ ไหนเราก็กำลังขึ้นไปยอดภูลำดวน ผมว่าเรามาทำความรู้จักกับยอดภูยอดนี้กันหน่อยดีกว่าครับ ภูลำดวนเป็นยอดภูที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 300-400 เมตรครับ ตั้งอยู่ที่อำเภอปากชม จังหวัดเลย ทางขึ้นอยู่ติดแขวงการทางปากชม ส่วนชื่อภูลำดวนนั้นก็เกิดจากลุงลำดวนเป็นคนที่บุกเบิกยอดภูแห่งนี้เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรปลูกข้าวโพด แต่เนื่องจากวิวบนยอดภูนั้นเป็นวิวแบบ 360 องศา ด้านล่างเป็นวิวแม่น้ำโขง สลับกับขุนเขา เมื่อสวยงามถูกต่อ ประกอบกับทุกวันนี้โลกโซเชียลมีผลเป็นอย่างมากเลยทำให้ภูลำดวนเป็นที่รู้จักในระยะเวลาอันรวดเร็ว ที่ภูลำดวนเป็นที่ท่องเที่ยวของทุกคนในชุมชนและคนในชุมชนที่นี่เขาก็ช่วยดูแลกันเป็นอย่างดี อ่อๆ และอีกอย่างหนึ่งที่ผมภูมิใจนำเสนอคือ Skywalk คนจน เป็นทางเดินที่สร้างขึ้นไว้รอบภูลำดวน ชาวบ้านทั้งหมด 50 หมู่บ้านช่วยกันสร้างหมู่บ้านละ 4 เมตรได้ความยาวทั้งสิ้น 200 เมตร ถือว่าเป็นการสร้างความสามัคคีในชุมชนที่ดีมากเลยครับ ปัจจุบันภูลำดวนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสความงามได้ทุกวันครับ นั่งเล่าประวัติเพลินไปหน่อย ผมและแก็งค์เด็กก็เดินทางมาถึงยอดภูลำดวนกันแล้วครับ
ผมเดินเล่นบริเวณรอบๆ เก็บภาพความสวยงาม ชื่นชมและสัมผัสกับลมหนาว
เมื่อผมขึ้นมาด้านบนของภูลำดวนแล้วทำให้ผมรู้สึกว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกมาที่นี่และนอนที่นี่ในคืนนี้ ผมนั่งเรอคอยที่จะเห็ภาพเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
“เวลา 17:35 น.” พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า อากาศก็เริ่มเย็นลง
และในที่สุดพระอาทิตย์ก็กำลังจะหยุดส่องแสง ขอเวลาไปพักผ่อน
“เวลา 18:00 น.” ผมนั่งรถซิ่งลงมาด้านล่างเตรียมตัวอาบน้ำ เก็บสัมภาระเข้าเต็นท์ เตรียมอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อใช้ในยามค่ำคืน ส่วนอุปกรณ์เครื่องนอนทุกอย่างพี่ทักเป็นคนจัดการให้ครับแถมคืนนี้พี่ทักยังให้ลูกน้องก่อไฟที่หน้าเต็นท์ไว้ให้ผมด้วยครับ
อากาศคืนนี้หนาวมากๆ และเมื่อทุกอย่างเสร็จหมดแล้วผมจึงรีบไปอาบน้ำก่อนที่อากาศจะเย็นลงมากไปกว่านี้ ขันแรกที่กระทบร่างกายผม บอกได้คำเดียวเลยคำว่าเย็นมาก เย็นสุดๆ อาบน้ำไปก็สั่นไป ไหนจะมีลมจากข้างนอกพัดรอดเขามาตามรูใต้ประตูห้องน้ำอีก หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วผมก็เตรียมตัวกินมื้อเย็น
และนี่ก็คืออาหารมื้อเย็นของผมในค่ำคืนนี้ เป็นอาหารง่ายๆ สำหรับคนที่ชอบออกแคมป์ปิ้ง ผมนั่งกินอาหารข้างกองไฟที่ลูกน้องพี่ทักก่อไว้ให้
มันช่วยคลายหนาวให้ผมได้มากเลยทีเดียวครับ หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้วด้วยความที่ผมต้องนอนคนเดียวมันจึงทำให้ผมรู้สึกเหงาพอสมควร ผมจึงเดินไปนั่งคุยกับพวกชาวบ้านที่นั่งดื่มกินกันอยู่ที่นี่หลังจากที่เลิกงานกัน ผมเลยได้ร่วมวงกับเขาด้วยเลย
ทุกคนที่นี่ให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดีทำให้ผมรู้สึกประทับใจและอยากเดินทางกลับไปที่นี่อีกครั้ง
“เวลา 21:15 น.” ได้เวลาที่ผมรอคอย ไม่ว่าผมจะอยู่ไกลแค่ไหน ผมก็จะลืมที่จะดูการแข่งขันฟุตบอลโดยเฉพาะเกมที่แมนฯยูฯ ลงเเข่งขัน คืนนี้ก็เช่นกันครับ
สัญญาณ 4G มีดูได้สบายมาก ภาพเนียนตาไม่มีสะดุดเลยครับ ผลการแข่งขันทีมโปรดผมชนะ 2-1 สบายใจละผมคืนนี้นอนหลับสบายแน่ๆ
“เวลา 01:00 น.” หลังจากฟุตบอลจบแล้ว เครื่องดื่มก็หมดแล้วเช่นกัน ผมและพวกพี่ชาวบ้านก็แยกย้ายกันเข้านอน
ผมเตรียมตัวนอนพร้อมกับตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนตี 5 จะได้ตื่นขึ้นไปดูทะเลหมอกบนภูลำดวนอีกครั้งในตอนเช้า(หวังว่าจะมีหมอกนะ) งั้นตอนนี้ผมขอตัวเข้านอนก่อนนะครับ ฝันดีครับทุกคน
“วันที่ 18 ธันวาคม 2560 เวลา 06:45 น.” เวรกรรม…..ตื่นสาย สงสัยเมื่อคืนหนักไปหน่อย ผมจึงรีบวิ่งไปล้างหน้าแล้วซื้อตั๋วขึ้นยอดภูลำดวนทันที
ซื้อตั๋วแล้วก็ต้องนั่งรอให้คนครบตามจำนวน รอบที่ผมขึ้นตอนเช้านี้มีผู้ใหญ่ 4 เด็ก 1
วันนี้คนขึ้นไปด้านบนของยอดภูลำดวนค่อนข้างน้อยอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันธรรมดาด้วยแหละไม่ได้ตรงกับวันหยุด
“เวลา 07:15 น.” ผมขึ้นมาถึงยอดภูลำดวนอีกครั้งในยามเช้า อากาศข้างบนเช้านี้อยู่ที่ 10 องศาเสื้อแขนยาวไม่ได้หยิบมาก็สั่นซิครับผม ภาพด้านบนสวยงามมาก เช้าวันนี้มีสายหมอกจางๆให้ผมได้เห็นด้วยครับ
บรรรยากาศดี วิวโคตรสวย มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากจริงๆครับ
ชาวบ้านที่ขึ้นมาตอนเช้าก่อไฟไว้ให้ ซึ่งมันช่วยคนที่ไม่มีเสื้อกันหนาวอย่างผมได้มากเลยทีเดียว ผมเดินเล่นหามุมถ่ายรูปสวยๆเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ
การเดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียวมันไม่ใช่อุปสรรคในการถ่ายรูปของผมเลย ระหว่างที่ผมเดินเล่นอยู่รอบๆภูลำดวนมีรายการโทรทัศน์ช่อง 9 ไม่แน่ใจว่ารายการอะไร เขามาขอสัมภาษณ์ผมด้วยนะครับ พี่เขาสอบถามเกี่ยวความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวที่นี่ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าบทสัมภาษณ์ผมจะได้ลงกับเขาหรือเปล่า (แอบเขินเหมือนกันนะ) หลังจากที่พี่นักข่าวเขาสัมภาษณ์ผมเสร็จแล้ว ผมก็เตรียมตัวลงไปด้านล่าง
“เวลา 08:45 น.” ผมลงมาถึงด้านล่างผมก็จัดการเตรียมแพ็คกระเป๋า ล้างหน้า แปรงฟัน และมานั่งที่ร้านกาแฟสั่งโกโก้ร้อนนั่งดื่มแก้หนาวสักแก้ว พลางนั่งคุยกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่เพิ่งลงมาจากยอดภูลำดวนเหมือนกันกับผม
“เวลา 10:00 น.” ได้เวลากล่าวคำร่ำลากันแล้ว ผมต้องขี่รถกลับไปที่เชียงคานเพื่อขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ ในตอนกลางคืน
พี่เอ็นก็แวะมาทักทายและส่งผมเดินทางกลับด้วย ขอบคุณพวกพี่อีกครั้งนะครับ สำหรับความดูแลเอาใจใส่ ความมีน้ำใจและมิตรภาพที่สวยงาม ผมจะเก็บไว้ในความทรงและจะไม่มีวันลืมมันเลย ตอนนี้ผมต้องขี่มอเตอร์ไซค์กลับเขาตัวอำเภอเชียงคานก่อนนะครับ แล้วเจอกันนะ
“เวลา 11:00 น.” ผมเดินทางกลับมาถึงอำเภอเชียงคาน ผมกลับมาพักที่ร้านพี่อ้อมก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นซอย 10 ที่ผมใช้เป็นจุดพักผ่อนในการเดินทางของผมในทริปนี้ พอถึงขออนุญาตพี่อ้อมฝากกระเป๋าไว้ก่อน จากนั้นผมก็ขี่รถไปซื้อตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ ขากลับผมเลือกใช้บริการของบริษัท บขส. 999 รถออกรอบ 19:00 น. ราคาค่าตั๋วอยู่ที่ 419 บาท หลังจากได้ตั๋วรถทัวร์แล้วผมก็สบายใจละ ระหว่างทางที่เสร็จจากการซื้อตั๋วรถทัวร์ผมก็แวะหาซื้อโพสต์การ์ด
เพื่อเขียนส่งให้บรรดาพ้องเพื่อนของผมซึ่งเป็นสิ่งที่ผมทำเป็นประจำทุกครั้งเมื่อมีโอกาส รอรับกันได้เลยนะครับเพื่อนๆ เมื่อได้โพสต์การ์ดแล้วก็กลับไปที่ร้านพี่อ้อมเพื่อนั่งเขียนโพสต์การ์ด
เสร็จแล้วโว้ย……..โพสต์การ์ด ทีนี้ภารกิจต่อไปของผมคือการช่วยพี่อ้อมขายก๋วยเตี๋ยวไก่เพื่อเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจที่พี่อ้อมมีให้กับผมตั้งแต่มาที่นี่ครั้งแรกจนถึงทุกวันนี้ อ้าวๆๆๆ เชิญทางนี้เลยครับก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นอร่อยๆ ครับ
ผมช่วยพี่อ้อมขายก๋วยเตี๋ยวจนหมดเลยหล่ะครับ พี่อ้อมก็ตอบแทนผมด้วยการเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวผมอีก 1 มื้อ(ฟรีอีกแล้ว อิอิ)
“เวลา 17:30 น.” หลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจช่วยพี่อ้อมขายก๋วยเตี๋ยว ผมก็สะพายกล้องออกไปเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ด้านหลังร้านซึ่งติดกับริมแม่น้ำโขง
นักท่องเที่ยวก็ทยอยพากันมาถ่ายรูปกันอย่างหนาตาครับ
แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เหล่าบรรดาพวกนกก็บินกลับเข้ารัง
จนแสงสุดท้ายของวันลับลาไป
พอถ่ายรูปตะวันลับขอบฟ้าเสร็จผมก็จัดการเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ระหว่างที่ผมกำลังเตรียมจะไปขึ้นรถกลับนั้น ผมนึกขึ้นได้ว่ามีคนหนึ่งคนที่ผมอยากเขียนโพสต์ให้เขาและผมก็คิดว่าเขาเองก็คงอยากได้ ผมเลยโทรไปถามเขาเลยจะได้รู้ สรุปว่าอยากได้ ผมเลยต้องวางกระเป๋าลงก่อนแล้ววิ่งกลับไปซื้อโพสต์การ์ดมาเขียนแล้วทำการส่งในทันที
“เวลา 18:34 น.” มีพบก็ต้องมีจาก ผมกล่าวคำร่ำลากับพี่อ้อมและแฟนพี่อ้อมเพื่อเดินทางกับกรุงเทพฯ
ผมแบกกระเป๋าสะพายย่ามเดินทะลุซอย 9 ไปยังจุดขึ้นรถของ บขส.999 ที่อยู่ตรงหน้าตลาดสดเชียงคาน สำหรับภาพนี้ต้องขอบคุณน้องๆจากจังหวัดนครศรีธรรมราชที่สละเวลาถ่ายรูปให้ผม ส่วนตอนนี้ผมขอลาไปด้วยภาพถนนคนเดินในยามค่ำคืนครับ
หลายสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง หลายสิ่งยังคงเดิม แต่วิถีชีวิตยังคงดำเนินต่อไป
“เวลา 19:00 น.” ถึงเวลากล่าวคำว่า “ลาก่อน” เมืองเล็กๆที่แสนน่ารักทั้งเชียงคานและปากชม มีโอกาสคงได้มาเยี่ยมเยียนกันใหม่ ส่วนตอนนี้ผมขอตัวนอนพักผ่อนก่อนะครับ เจอกันอีกทีที่กรุงเทพฯ นะครับ
“เวลา 19:45 น.” คึกๆ คักๆ คึกๆ คักๆ เสียงดังจากรถทัวร์ที่ผมนั่งโดยสารกลับ สักพักพนักงานต้อนรับเดินขึ้นบอกผู้โดยสารว่า “รถเสีย” บรรลัยแล้ว ผมอีกแล้วเหรอว่ะเนี่ย ผมขอท้าวความนิดหนึ่งนะครับ เมื่อประมาณเกือบ 7-8 ปีที่แล้วผมมาเที่ยวที่จังหวัดเลยเป็นครั้งแรกขากลับรถก็เสียแบบนี้แหละครับ ผมต้องรอให้รถอีกคันมารับเพื่อไปเปลี่ยนรถที่สถานีขนส่งจังหวัดเลย ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆนั่งรอกันเกือบ 30 นาทีในที่สุดก็มีรถ VIP ของ บขส. มารับไปส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดเลย
“เวลา 20:30 น.” ผมและผู้โดยสารคนอื่นๆ มาถึงที่สถนีขนส่งจังหวัดเลย บทสรุปคือผมต้องนั่งรถของบริษัทภูกระดึงทัวร์/แสงสุสวรรณแอร์กลับซึ่งเป็นรถบริษัทเดียวกับตอนที่ผมขึ้นตอนขาไป เรื่องนี้สอนให้ผมรู้ว่า ขาไปไปบริษัทไหนขากลับควรกลับก็ควรกลับบริษัทนั้น เอาละครับทีนี้ผมคงได้พักผ่อนยาวๆแล้วครับ
ผมขอพักผ่อนก่อนนะครับ เจอกันอีกครั้งที่กรุงเทพฯครับ หวังว่ารถจะไม่เสียอีกนะ บ๊าย บาย
“วันที่ 19 ธันวาคม 2560 เวลา 04:54 น.” รถทัวร์เดินทางมาถึงฟิวเจอร์ ปาร์ค รังสิต ผมแจ้งพนักงานต้อนรับว่าจะลงรถตรงจุดนี้เพราะมันใกล้บ้านผม เมื่อลงรถแล้วผมก็โบกแท็กซี่นังเข้าบ้านต่อ
“เวลา 05:16 น.” ผมเดินทางกลับมาถึงบ้านผมโดยสวัสดิภาพ ถือว่าเป็นการปิดทริปการเดินทางทริปนี้อย่างสมบูรณ์แบบครับ
“ทริปนี้ผมยังคงเช่ามอเตอร์ไซค์ในการเดินทางเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ระยะทางในการเดินทางของผมถือว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับทริปอื่นๆ
รถมอเตอร์ไซค์ที่ผมใช้เป็น Suzuki Skydrive 125 กับระยะทางทั้งสิ้น 100.2 กิโลเมตร
“สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปนี้ คิดแบบทุกบาททุกสตางค์
ถือว่าผมใช้เงินไปเยอะพอสมควร แต่ลองกลับมาคิดดูแล้วว่าเมื่อแลกกับความสวยงามและความสุขที่ผมได้รับมันคุ้มมากเลยนะครับ
ภาพถ่ายส่งท้ายในทริปนี้
“ผมรักการเดินทาง ผมรักธรรมชาติ และผมรักวิถีชาวบ้าน การเดินทางทริปนี้มันให้อะไรผมมากมายและสอนผมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจ การวางตัว ทัศนคติในการเข้าหาผู้คน และสิ่งที่ได้รับทุกครั้งเวลาที่ผมออกเดินทางนั่นก็คือ “มิตรภาพ” สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่ๆน้องๆที่อำเภอปากชม พี่ทัก พี่เอ็น พี่ศึก น้องยู น้องตี๋ น้องรัตน์ พี่เสื้อส้มจำชื่อไม่ได้ พี่เจ้าของร้านกาแฟที่ให้ผมฝากของ ขอบคุณนายอำเภอปากชม(คนสุพรรณฯ) ที่เป็นผู้นำที่ดีและทำให้ชุมชนเข้มแข็ง อ่อๆ ขอบคุณพี่อ้อม ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นซอย 10 ที่เชียงคานด้วยครับ”
สวัสดี
**************************************