logo
image

icon-travel-2 บันทึกนักเดินทางเวียดนามเหนือ 18-20 ก.ค.16

บันทึกนักเดินทางเวียดนามเหนือ 18-20 ก.ค.16

ธันวาคม 2, 2019
แชร์ :

ซินจ่าวววววว…ห่างหายจากเวียดนามไปซะนาน วันหยุดยาวอย่างนี้ มีโอกาสได้พาลูกทัวร์ไปเวียดนามเหนืออีกครั้ง ในรอบ เกือบๆปี ครั้งนี้จะมารีวิวภาพสวยๆจากเมืองแห่งขุนเขาให้ได้ชมกันค่ะ

ที่นี่ คือ ซาปา (Sa Pa) เป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ และได้รับสมญาณามว่า “หลังคาแห่งอินโดจีน” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ในเขตจังหวัดลาวไค ใกล้กับชายแดนจีน ภูมิประเทศตั้งอยู่บนระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,650 เมตร จึงมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี ทำให้เพาะปลูกผักผลไม้ได้ดี มี ตลาดบั๊กห่า ที่ขึ้นชื่อของเวียดนามเหนือ เป็นศูนย์รวมของกินของใช้ของชาวเมืองภูมิภาคนี้ ปัจจุบันซาปามีประชากรอาศัยอยู่ราว 37,000 คน

เมืองซาปา เมื่อแรกเริ่มเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศ เมื่อฝรั่งเศสซึ่งปกครองเวียดนามอยู่ในช่วงนั้น ได้มาสร้างเมืองบนภูเขาขึ้นในปี พ.ศ.2465 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงเริ่มมีชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในฮานอย มาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเป็นประจำ เพราะอากาศดีและเงียบสงบ จนเมื่อนักเดินทางได้รับข่าวและมาเห็นถึงบรรยากาศจริงๆ รวมไปถึงเหล่านักเดินทางจากทั่วโลกก็ได้รับสารเหล่านี้เช่นกัน นั่นจึงทำให้ปัจจุบันที่นี่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญนอกจากบรรยากาศแล้ว บรรดาชาวเขาที่อยู่บริเวณนี้ก็น่าสนใจไปเยี่ยมชมมากเช่นกัน พื้นที่ ซาปา เต็มไปด้วยนาขั้นบันไดที่มากมายท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างมีเสน่ห์

Sa Pa เมืองแห่งขุนเขา

ซาปา เมืองเล็กๆ แห่งนี้ แต่มีที่เที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากมาย อย่างเช่นในตัวเมืองซาปา จะมี ภูเขาฮามลอง (Ham Rong Mountain) ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับการขึ้นไปชมวิวบนยอดเข้าเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่บนยอดเขาฮามลอง และมองลงมาจะเห็นวิวของเมืองทั้งเมืองของซาปา จากในตัวเมืองใช้เวลาเดินมาถึงทางขึ้นเขา ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้นเองค่ะ ข้างทางที่เดินผ่าน ก็จะมีสินค้าของชาวท้องถิ่นวางขายตลอดทาง ทำให้เพลิดเพลินกับการชมสินค้าระหว่างทาง เขาฮามลอง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เขาปากมังกร” เนื่องจากว่า หากถ้าเรามองยอดเขาลูกนี้จะดูเหมือนหัวตัวอะไรสักอย่างหนึ่งอ้าปากซึ่งชาวเวียดนามได้เปรียบให้เป็นดังมังกร ซึ่งมีตำนานเรื่องเล่าว่า ด้วยความสวยงามของซาปานับแต่บรรพกาล ทำให้มังกร 2 แม่ลูกลงจากสวรรค์มาเที่ยวที่เมืองแห่งนี้ แต่เที่ยวเพลินจนลืมเวลาปิดของประตูสวรรค์ เมื่อประตูสวรรค์จะปิด 2 มังกรแม่ลูกจึงรีบบินขึ้นไป โดยแม่เสียสละให้ลูกขึ้นประตูสวรรค์ไปก่อน ส่วนแม่คอยอยู่ข้างหลังตามขึ้นไม่ทัน จึงได้อ้าปากร่ำร้องหาลูก ตามลักษณะของธรรมชาติที่ดูคล้ายมังกรอ้าปากและกลายเป็นที่มาของชื่อภูเขาลูกนี้

ระหว่างทางขึ้นเขาฮามลองค่ะ

ภูเขาฮามรองซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเอกชน อัตราค่าเข้าชม 15,000 ด่อง มีจุดชมวิวสำหรับชมเมือง ซาปา ได้เกือบรอบด้าน โดยทางสวนได้จัดเส้นทางไว้อย่างดีและมีจุดเที่ยวชม 11 จุดด้วยกัน ก็ขึ้นไปตามทางปูนอย่างดี ซึ่งจะเข้าสู่บริเวณสวนกล้วยไม้ ที่ได้นำเอากล้วยไม้มาปลูกเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติไว้เกือบ 200 ชนิด ทางด้านขวาสุดของสวนมีจุดชมวิวที่เห็นเมือง ซาปา ในเวลาเช้าอากาศดีๆ สามารถมองเห็นทะเลหมอก ซึ่งคลุม ซาปา ได้จากจุดนี้ ขึ้นไปด้านบนก็มีสวนดอกไม้ จุดชมการแสดงพื้นเมือง และขึ้นไปจุดสูงสุดมองเห็นซาปาอีกด้าน การเดินเที่ยวบนภูเขาฮามรอง ใช้เวลาประมาณ 1 – 1.30 ชั่วโมง ช่วงกลางคืนก็มีอีกบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เพราะจะมีแม่ค้านำข้าวโพด เกาลัด มัน มาปิ้งกันร้อนๆ ไว้รอบริการ

เดินขึ้น “เขาฮามลอง” มาครึ่งทาง

ชมวิวบนยอดเขาฮามลองค่ะ

น้ำตกซิลเวอร์ (Silver Waterfall) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ อยู่ริมถนนทางไปไลโจว (Lai Chau) พอนั่งรถใกล้ถึงจะมองเห็นตัวน้ำตกได้แต่ไกลเลยค่ะ เพราะน้ำตกอยู่ริมถนน และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ไกล อยู่ห่างจากซาปา ประมาณ 8 กิโลเมตร น้ำตกซิลเวอร์เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ น้ำตกไหลลงมาตามหน้าผาสูง ราว 200-300 เมตร ชาวเวียดนามเรียกน้ำตกนี้ว่า Thac Bac สามารถเดินขึ้นไปชมได้ใกล้ และทางเดินไม่ลำบากมากนัก และเมื่อเดินขึ้นไปจนสุดทางเดิน จะมีสะพานเหล็กทอดข้ามสายน้ำตก จุดนี้เป็นจุดที่ได้รับความนิยมในการถ่ายภาพมากที่สุด เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยภูเขา ถือได้ว่าน้ำตกแห่งนี้มีความสวยงามที่สุดในซาปา

เดินชม “น้ำตกซิลเวอร์”

ด้านหน้าน้ำตกซิลเวอร์จะมีชาวเขานำสินค้ามาขายริมถนนให้เลือกซื้ออีกด้วย

หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village) เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาด อยู่ห่างจากตัวเมืองซาปาเพียงแค่ 3 กิโลเมตร ที่นี่มีวิวทิวทัศน์ของนาขั้นบันได และนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาเที่ยวชมหมู่บ้านนี้ได้ง่าย สภาพโดยทั่วไปของหมู่บ้านเป็นนาขั้นบันไดสลับซับซ้อนสวยงาม การเข้าชมหมู่บ้านจะต้องใช้การเดินเท้าเท่านั้น เป็นการไม่ให้รถราเข้าไปรบกวนวิถีชีวิตของชาวม้งดำที่นี่ รถตู้ หรือรถจักรยานยนต์ที่โดยสารมาต้องจอดรอที่หน้าหมู่บ้าน “กั๊ต กั๊ต” เป็นคำที่ใช้เรียกรถ 4-wheel drive ของพวกฝรั่งเศสที่เข้ามาบุกเบิกทำกระแสไฟฟ้าพลังน้ำบริเวณน้ำตกที่มีสายน้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกันในหมู่บ้านแห่งนี้

หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village)

ที่นี่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาว เผ่าม้ง ซึ่งอพยพมาจากประเทศจีน มีเครื่องแต่งกายที่นิยมโทนสีน้ำเงินเข้มหรือดำ ม้งดำเป็นกลุ่มย่อยกลุ่มหนึ่งของชาวม้ง คำว่า “ม้ง” (Hmong) เป็นชื่อที่ชาวม้งใช้เรียกตัวเอง กล่าวกันว่าหมายถึง “อิสระชน” สำหรับชาวม้งดำ ปัจจุบันถือเป็นประชากรหลักกลุ่มหนึ่งของซาปา มีจำนวนใกล้เคียงกับชาวเย้า ที่หมู่บ้านม้งดำนี้ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ปลูกนาข้าวขั้นบันได ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

ชมวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งดำ หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village)

ระหว่างทางเดินชมในหมู่บ้าน ก็จะมีร้านสินค้าของชาวบ้านให้เลือกซื้ออีกด้วยค่ะ

โบสถ์คริสต์ ตั้งอยู่ข้างๆกับจัสตุรัสใจกลางเมืองซาปา เป็นดังเสมือนแลนด์มาร์คของที่นี่ ที่เมื่อมาถึงเมืองนี้แล้วต้องไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ กับรีวิวภาพสวยๆจากเมืองซาปา เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่ชวนให้ต้องไปสัมผัสสักครั้ง นี่เป็นแค่ภาพส่วนหนึ่ง เพียงเล็กน้อย ถ้าเปรียบเทียบกับการเดินทางไปเห็นด้วยตา รับรองได้ว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติ และบรรยากาศโรแมนติกท่ามกลางขุนเขา ที่มีกลิ่นอายของอารยธรรม ฝั่งยุโรป และวิถีชีวิตแบบชาวเขา หวังว่าท่านใดมีโอกาส อย่าพลาดที่ต้องไปเยือนเมืองนี้นะคะ “ที่นี่ ซาปา”

โบสถ์คริสต์

ทัวร์เวียดนาม


บทความที่เกี่ยวข้อง