logo
image

icon-travel-2 ส่องพะยูนที่เกาะลิบง หลงไปเกาะเหลาเหลียง

ส่องพะยูนที่เกาะลิบง หลงไปเกาะเหลาเหลียง

ธันวาคม 11, 2019
แชร์ :

“ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและออกไปหาประสบการณ์ชีวิตมันพร้อมเกิดขึ้นกับเราเสมอหากเรามีเวลาให้กับมัน สำหรับผมการเดินทางมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้วครับ เดือนนี้ผมเดินทางลงใต้ไปที่ “จังหวัดตรัง” ครับ เดินทางลงใต้ครั้งนี้ผมกะหาที่เงียบสงบเพื่อพักสมอง จะได้มีเวลาทบทวนเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นและผ่านเข้ามาในชีวิต การเดินทางไปจังหวัดตรังครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของผมเลยครับ หลังจากได้จุดมุ่งหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้แล้วก็เหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมาครับ เตรียมวันหยุดล่วงหน้า ซึ่งผมเลือกวันหยุดในช่วงปลายเดือนช่วงวันที่ 25-28 มีนาคม 2561 แต่ออกเดินทางวันที่ 24 มีนาคม 2561 ในช่วงเวลาตอนเย็น

ผมทำการจองตั๋วผ่านระบบออนไลน์และเลือกขึ้นรถทัวร์ที่ขนส่งหมอชิต ซึ่งมันสะดวกสบายกว่าการเดินทางไปขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่เยอะเลย ผมยังคงใช้บริการรถทัวร์ของ บขส. เช่นเดิม ก่อนออกเดินทาง 1 วันหลังจากเลิกงานกลับมาบ้านผมได้ทำการจัดเก็บเสื้อผ้าและสัมภาระที่จำเป็นต้องใช้ในทริปนี้ลงกระเป๋า

เก็บของเสร็จแล้ว นอนได้พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อออกไปทำงานและก็ออกเดินทางในช่วงเย็น ซึ่งถ้าใครติดตามอ่านบันทึกของผมก็รู้ว่าผมมักชอบเดินทางแบบนี้เกือบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้ครับ

วันที่ 24 มีนาคม 2561 เวลา 04:30 น.” ผมตื่นลุกขึ้นอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานในตอนเช้า สัมภาระที่เตรียมไว้ก็พร้อมเช่นกัน ครั้งนี้ผมนำกระเป๋าเป้เดินทางออกไปด้วยเลย เนื่องจากรถทัวร์ออกจากสถานีขนส่งหมอชิตในเวลา 17:31 น. ส่วนตัวเองเลิกงานในเวลา 16:00 น. ซึ่งเวลามันกระชั้นชิดเกินไปที่ผมจะขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไปเอาสัมภาระที่บ้าน ส่วนตอนนี้ผมขอทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานของผมก่อนนะครับ ฮึบๆ

เวลา 16:00 น.” ได้เวลาเลิกงานแล้ว ผมรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกเดินทางไปยังสถานีขนส่งหมอชิตก่อนนะครับ และแล้วช่วงเวลาที่ผมรอมานานนับเดือนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางครั้งที่เท่าไหร่ของตัวผมเองผมยังคงรู้สึกตื่นเต้นเสมอ

อ่อๆ ลืมบอกไปเลยครับ การเดินทางไปจังหวัดตรังครั้งนี้ จุดมุ่งหมายปลายทางของผมคือไปพักโฮมสเตย์ที่ “เกาะลิบง” และชม “ฝูงพะยูนหรือดุหยง” ซึ่งจากการที่ผมได้ฟังข่าวมาทำให้ผมได้ทราบว่าจำนวนเจ้าพะยูนมีอัตราการเพิ่มจำนวนที่สูงขึ้น และการไปครั้งนี้ผมก็หวังที่จะได้เห็นเจ้าพะยูนหรือดุหยงสักครั้ง หวังว่าโชคจะเข้าข้างผมบ้างนะครับ

เวลา 17:31 น.” ได้เวลาล้อหมุนแล้ว รถทัวร์ที่ผมใช้โดยสารในครั้งนี้เป็นเป็นรถทัวร์สองชั้นครับ ผมจองตั๋วนั่งชั้นล่างครับ ตามผมไปเที่ยวด้วยกันครับ

ระหว่างนั่งรถทัวร์ออกมาจากสถานีขนส่งหมอชิตมันมีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยมาตลอดในการนั่งรถทัวร์คือทำไมเขาถึงต้องเปิดแอร์บนรถทัวร์แรงและเย็นถึงขั้นหนาวเลยก็ว่าได้หรือเขาจะกลัวผู้โดยสารไม่ใช้ผ้าห่ม ? เป็นข้อสงสัยที่ผมต้องการคำตอบ สักวันต้องรู้ให้ได้ ขำๆนะ นั่งรถมาสักพักผมก็เริ่มออกอาการง่วงละ ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับถ้าถึงไหนแล้วผมจะอัปเดตสถานที่ให้ทุกๆคนได้ทราบกันครับ

เวลา 22:35 น.” รถทัวร์ของบริษัท บขส. 999 ที่ผมโดยสารมาจอดที่จุดพักรถ

ที่ร้านอาหารคุณต้น ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับประทานอาหารและทำภารกิจส่วนตัวต่างๆเป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะเดินทางกันต่อครับ

วันที่ 25 มีนาคม 2561 เวลา 06:28 น.” หลังจากนั่งรถทัวร์นานถึง 13 ชั่วโมง ตอนนี้ผมเดินทางมาถึงยังสถานีขนส่งจังหวัดตรังแล้วครับ

เมื่อมาถึงยังสถานีขนส่งจังหวัดตรังสิ่งแรกที่ผมอยากทำมากที่สุดในตอนนี้คือ การล้างหน้า แปรงฟัน ครับ จากนั้นก็มานั่งรอรถตู้เพื่อเดินทางต่อไปยัง “ท่าเรือหาดยาว

เพื่อนั่งเรือข้ามฝากไปยัง “เกาะลิบง” ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของผมในทริปนี้ ผมสอบถามคนแถวนี้แล้วว่ารถตู้ที่จะไปยังท่าเรือหาดยาวจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ 7 โมงเช้าเป็นต้นไปครับ นั่งรอรถตู้ก่อนนะครับผม

ผมนั่งรอตั้งแต่เวลา 06:28 น. จนป่านนี้เวลา 08:31 น. ก็ยังไม่มีวี่แววว่ารถจะออกเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันอาทิตย์ต่อวันธรรมดาด้วยละมั้งเลยไม่ค่อยมีผู้โดยสารเดินทางกันมากนัก ทำไงได้ในเมื่อมาแล้วก็คงต้องรอกันต่อไป คือเท่าที่ผมรู้ตอนนี้หลังจากรอมา 3 ชั่วโมงคือเวลาเดินรถไปยังท่าเรือหาดยาวไม่ตายตัวแน่นอนขึ้นอยู่กับจำนวนคน ถ้าคนมาครบ 13 คนรถก็ออก แต่ถ้าคนไม่ครบก็ต้องรอไปเรื่อยๆเหมือนผมในตอนนี้หรือถ้าใครใจถึงจะเหมาก็ได้นะครับสนนราคาอยู่ที่ 700 บาท ซึ่งผมคงสู้ราคาไม่ไหว

หลังจากผมรอรถตู้นานถึง 3 ชั่วโมงและกำลังเข้าสู่ชั่วโมงที่ 4 ผมก็ยังไม่เห็นว่ารถตู้ที่ผมกำลังนั่งรออยู่นั้นมีวี่แววที่จะออกจากท่ารถเลย ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนแผนการเดินทางใหม่โดยการหาเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อขี่ไปยังท่าเรือหาดยาวด้วยตนเองผมนั่งรถตุ๊ก ตุ๊ก ออกจากสถานีขนส่งจังหวัดตรังมุ่งหน้า

ไปยัง “บริษัททะเลตรัง ดอท คอม” เพื่อไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เมื่อมาถึงที่ทำการบริษัทผมก็รีบจัดการทำสัญญาเช่า จ่ายเงินค่าเช่า ให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

เวลา 10:20 น.” ผมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ท่าเรือหาดยาวโดยเร็ว เนื่องจากผมเสียเวลาไปกับการรอรถตู้ไปมากแล้ว แต่ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของผมก็คือ ผมไม่รู้ทางนะซิ ฮ่าๆ ดังนั้นผมจึงใช้ GPS จาก GOOGLE MAP ใช้ในการนำทาง แต่ผมใช้แค่ตอนออกจากตัวเมืองแค่นั้นแหละครับ จากนั้นก็อาศัยดูป้ายเอาซึ่งมันง่ายกว่าเยอะเลยครับ

สำหรับผมแล้วระยะทางแค่นี้ถือว่าสบายมากครับ ไปกันต่อเลยดีกว่าครับ อีกไม่เกิน 20 นาทีผมว่าถึงแน่นอนถ้าไม่หลงเสียก่อนนะ

เป็นออกทริปโดยการขี่มอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีความพร้อมเอาเสียเลย เจอแดดแรงๆ แบบนี้เข้าไปรับรองจบทริปนี้ผมเขียวแน่เลย

ใกล้เข้าไปอีกนิดแล้วครับ อีกอึดใจเดียวเราก็จะถึงท่าเรือหาดยาวกันแล้วครับ

เวลา 11:31 น.” หลงบ้าง เลี้ยวผิดทางบ้าง เลยป้ายบอกทางบ้าง แต่ในที่สุดผมก็พาตัวเองมาจนถึงท่าเรือหาดยาวจนได้

เมื่อมาถึงที่ท่าเรือหาดยาวแล้ว ผมก็ได้ทำการซื้อตั๋วโดยสารเพื่อข้ามฝั่งไปยังเกาะลิบง ค่าตั๋วโดยสารทั้งหมด 100 บาท คิดเป็น ตัวผม 40 บาทและค่ามอเตอร์ไซค์อีก 60 บาทครับ แต่ซื้อตั๋วแล้วใช่ว่าเรือจะออกเลยซะเมื่อไหร่ ต้องรอให้ครบ 12 คนเสียก่อนเรือถึงจะออก ผมนั่งรอแล้ว รอเล่า รอจนตัวเองเริ่มรู้สึกง่วง จนในที่สุดก็มีเสียงสวรรค์ตะโกนเรียกผมให้ขึ้นเรือได้แล้ว ผมนี่น้ำตาแทบไหล เมื่อเช้ารอรถตู้ สายๆให้รอเรืออีก ฮ่า

เวลา 12:34 น.” ผมได้ขึ้นเรือแล้ว เอาจริงๆแล้วผู้โดยสารก็ไม่ได้ครบจำนวน 12 คนหรอกครับ แต่มีข้าวของฝากส่งไปยังเกาะลิบงด้วย เฉลี่ยแล้วเรือสามารถออกได้ก็ออกครับ

จากท่าเรือหาดยาวมุ่งหน้าสู่เกาะลิบงใช้เวลาเดินเรือประมาณ 15-20 นาทีครับ

เวลา 13:00 น.” ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงเกาะลิบงจนได้ ถ้าตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ทีแรกคงถึงตั้งนานแล้วละมั้ง ฮ่าๆ

ผมเดินขึ้นไปด้านบนท่าเรือและพี่คนขับเรือก็พามอเตอร์ไซค์มาส่งให้ผมด้านบนด้วย จากนี้เราต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันต่อครับ เพื่อไปตามหาบ้านของ “จะไหน” ซึ่งเป็นเจ้าของ “เกาะลิบงโฮมสเตย์” ที่ผมจะไปพักกันคืนนี้และวันพรุ่งนี้ครับ ผมขอใช้โทรศัพท์เพื่อโทรหา จะไหน ก่อนนะครับ หลังจากที่ได้คุยกับ จะไหน แล้วผมก็พอจะเข้าใจเส้นทางอยู่บ้างเพราะเส้นทางมันไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร ไปครับ ไปตามหาบ้าน จะไหน กันครับ

เวลา 13:15 น.” ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงที่ เกาะลิบงโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นบ้านของ จะไหน แล้วครับ

ตอนที่ผมไปถึงที่โฮมสเตย์ จะไหน กำลังนั่งคัดปูเพื่อส่งไปให้ลูกค้า ผมกล่าวคำทักทายกับ จะไหน เสร็จ ก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย จากนั้นผมก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆโฮมสเตย์ พลางนั่งพักผ่อนไปด้วยครับ และนี่ก็คือห้องพักของผมครับ

มันก็จะดูไม่ค่อยเรียบร้อยสักเท่าไหร่นักเพราะผมเพิ่งนำของออกจากกระเป๋า เดินดูบริเวณรอบๆแล้วก็มาสะดุดตาตรงมุมนี้ เอาๆ ถ่ายรูปสักหน่อย

จากนั้นผมจึงนำแผนที่ของเกาะลิบงขึ้นมากางดู เพื่อหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมจะไปเที่ยวได้ในช่วงเวลานี้ แต่ก่อนที่เราจะไปเที่ยวข้างนอกเรามาทำความรู้จักเกาะลิบงกันคร่าวๆก่อนนะครับ

เกาะลิบงเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดตรังครับ ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะลิบง เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เกาะลิบงได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง คือ ต้นหลาโอน ซึ่งภาษามลายู “เรียกว่าลิบง” ซึ่งแต่เดิมหมู่เกาะนี้มีต้นไม้ชนิดนี้มาก อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอกันตัง ประมาณ 23 กิโลเมตร ชาวเกาะลิบงดั้งเดิมเป็นชาวมุสลิมที่อพยพจากประเทศมาเลเซีย และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มากันที่นี่ก็จะมาตามหาดู “พะยูนหรือว่าดุหยง” กันครับ เพราะที่เกาะลิบงแห่งนี้เป็นที่เดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่สามารถเห็นเจ้าพะยูนหรือดุหยงได้ครับ”

เป็นยังไงบ้างครับสำหรับประวัติของเกาะลิบงแห่งนี้ และเมื่อผมดูแผนที่เสร็จแล้วผมก็ได้ไปสอบถามกับทาง จะไหน ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมกับการไปดูเจ้าพะยูนหรือดุหยงมากที่สุด จะไหน เหลือบดูเวลาและบอกกับผมว่าช่วงเวลานี้ก็ไปได้แล้ว ดังนั้นผมจึงคว้ามอเตอร์ไซค์เพื่อออกไปยังจุดชมวิวที่อยู่เลยจากบ้าน จะไหน ไปอีกประมาณเกือบ 2 กิโลเมตรเห็นจะได้ ไปครับไปตามหาเจ้าพะยูนกัน

เส้นทางมันก็จะฝุ่นๆหน่อยครับ ผ่านป่ายางพารา เข้าไป ช่วงวันที่ผมเดินทางไปถึงที่เกาะลิบงนั้นเป็นวันอาทิตย์เลยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ แต่ผมกับชอบนะเพราะมันเงียบสงบดี ผมขี่มอเตอร์ไซค์ตามทางมาเรื่อยๆก็ถึงทางขึ้นจุดชมพะยูนซึ่งเป็นภูเขาหินยื่นไปในทะเล

งานนี้ผมต้องเดินขึ้นภูเขาอีกแล้วเหรอเนี่ย แหมๆ อุตส่าห์หลบมาเที่ยวทะเลแล้วนะเนี่ยยังมาเจอภูเขาอีก ฮ่าๆ ตามผมไปดูเจ้าพะยูนกันครับ

ช่วงแรกทางก็ไม่ค่อยชันสักเท่าไหร่หรอกครับแต่มีจุดหนึ่งที่ผมต้องไต่เชือกขึ้นไปด้วยครับ

ขึ้นบันไดไป เดินลอดถ้ำ ต่อจากนั้นต้องไต่เชือกขึ้นไปด้านบน พอถึงด้านบนอีกช่วงหนึ่งก็จะเป็นบันไดให้ไต่ขึ้นไปอีก

บันไดที่ผมต้องปีนป่ายขึ้นไปนั้นค่อนข้างชันและตั้งตรงเกือบจะ 90 องศาเลยก็ว่าได้ครับ

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ขึ้นมายังจุดชมเจ้าพะยูนได้สำเร็จ ถึงตอนนี้ร่างกายผมชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อ เต็มไปทั้งร่าง แต่บรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ มันจะทำให้หายเหนื่อยได้ครับ

ผมเฝ้ารอดูเจ้าพะยูนอย่างใจจดใจจ่อ รอนานเท่าไหร่เจ้าพะยูนก็ไม่มาให้เห็นสักกะที อาจจะเป็นเพราะวันที่ผมไปดูเจ้าพะยูนนั้นน้ำขุ่นมาก ทำให้การมองเห็นเจ้าพะยูนเป็นเรื่องลำบากเข้าไปอีก สรุปภารกิจตามหาเจ้าพะยูนของผมวันนี้ล้มเหลว ระหว่างที่ผมนั่งเศร้าโศกเสียใจกับการอดเห็นเจ้าพะยูนอยู่นั้นสายตาผมก็ไปสะดุดเห็น เห็น เห็น และก็เห็น

เชือกน่ะไม่ใช่เจ้าพะยูน ผมเห็นเชือกที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปยังด้านบนได้อีก ผมไม่รอช้าที่จะหยิบคว้าโอกาสและความท้าทายนั้นไว้ก่อนที่จะปีนขึ้นสู่ยอดเขา ในใจลึกๆก็หวังว่าขึ้นไปบนที่สูงๆแล้ว วิสัยทัศน์ในการมองเห็นก็จะกว้างกว่าเดิม ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นเจ้าพะยูน ยัง ผมยังไม่ยอมแพ้

ผมปีนมาถึงยอดที่สูงที่สุดด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากหินค่อนข้างแหลมคม ประจวบกับผมไม่ได้เตรียมรองเท้าผ้าใบไปด้วย ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้างเล็กน้อย ผมเฝ้าดูเจ้าพะยูนอยู่เกือบ 1 ชั่วโมงก็ยังไม่เห็น ผมจึงยอมรับสภาพแห่งความผิดหวังและเดินทางกลับบ้านพัก

เวลา 15:05 น.” ผมกลับมาถึงที่พักเพื่อพักผ่อน ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ กล้อง จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวจะออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเวลา 4 โมงเศษๆ ตอนนี้ขอทำภารกิจส่วนตัวก่อนนะครับ

เวลา 16:00 น.” ผมคว้ากล้องออกเดินทางต่ออีกครั้งไปยัง สะพานหินเพื่อไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่นั่น ซึ่งห่างจากบ้าน จะไหน ประมาณ 5-6 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้ๆแถวท่าเรือที่เราขึ้นฝั่งมายังเกาะลิบงแห่งนี้นี่แหละครับ การจะไปที่สะพานหินต้องเป็นคนรู้จักช่างสังเกตบริเวณสองข้างทางให้ดี เพราะมิเช่นนั้นแล้วอาจขับเลยไปไกลจนสุดทางเหมือนผมได้ ฮ่าๆ ผมใช้ระยะเวลาเดินทางมาถึงที่นี่ประมาณ 20-25 นาทีเห็นจะได้ ทางเข้าไปยังสะพานหินต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ผ่านป่ายางพาราเข้าไปครับ เป็นทางที่แคบและก็เป็นเนินไม่ชันมากครับ(ตอนเข้าไปนะ) พอผมมาถึงผมก็เดินหาก่อนเลยครับ หินก้อนไหนวะเป็นสะพานหิน เพราะมันมีเยอะมาก เดินจนเมื่อยดูเกือบทุกก้อน ก็ไม่เจอจนต้องถามเด็กๆชาวบ้านแถวนั้นที่กำลังหาปลาอยู่ตามโขดหินจึงได้รู้ว่าเป็นหินก้อนไหน

ระหว่างที่ผมนั่งรอเจ้าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ตรงทางเดินบริเวณริมหาดเต็มไปด้วยเจ้า “ปูเสฉวน

ซึ่งเอาจริงๆนะครับ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมมีโอกาสได้เห็นก็คือที่ชายหาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สมัยนั้นผมน่าจะอยู่ ป.3 ได้มั้ง จากนั้นก็ไม่ได้เห็นอีกเลย ผมนั่งรอเวลาดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างสบายอก สบายใจ พลางก็เก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ สะพานหินไปด้วย

ใกล้แล้วๆ สะพานหินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะเป็นหินก้อนใหญ่ยาวและมีรูตรงกลางซึ่งน่าจะเกิดจากการกัดเซาะของน้ำเป็นเวลานาน ทำให้มีลักษณะคล้ายกับสะพาน

เหมือนที่เห็นในภาพนี่แหละครับ หลังจากที่ผมเฝ้ารอดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้านานถึง 2 ชั่วโมง เวลาที่ผมเฝ้ารอคอยก็มาถึงจนได้

เวลา 18:32 น.” พระอาทิตย์ค่อยๆลอดผ่านช่องของสะพานหินอย่างช้าๆ

จนในที่สุดพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้า และตัวผมเองก็ควรที่จะกลับที่พักได้แล้ว เพราะตอนนี้มันเริ่มมืดแล้ว

เวลา 18:40 น.” ผมออกจากจุดชมวิวสะพานหินมุ่งหน้ากลับที่พัก แต่กว่าที่ผมจะออกจากจุดชมวิวตรงสะพานหินได้ต้องใช้เวลาพอสมควรเนื่องจากขากลับออกไปด้านนอกทางขึ้นมันค่อนข้างชันและลื่นมากทำให้รถมอเตอร์ไซค์ผมไปติดกับรากไม้ ล้อหลังยกสูงขึ้น บิดเท่าไหร่ก็ไม่ไป ลงไปเข็นผมก็ลื่น ผมจึงค่อยๆขย่มรถและพอได้จังหวะล้อติดพื้นผมก็บิด ทำให้ผมผ่านออกจากตรงนั้นมาได้ ถ้าใครมีโอกาสไปที่นี่แนะนำให้จอดรถไว้ข้างนอกแล้วเดินเท้าเข้าไปจะดีที่สุดครับ เมื่อออกมาได้แล้วผมจึงรีบบิด บิด บิด แล้วก็บิดเพื่อกลับที่พัก

มืดแล้วๆ ขี่รถมอเตอร์ไซค์คนเดียว แอบกลัวเล็กๆเหมือนกันครับ

เวลา 19:05 น.” จะไหน นั่งรอผมเพื่อจัดการหาอาหารเย็นให้ผมกิน ผมเลยรีบเอาของไปเก็บ ล้างมือและก็มากินมื้อเย็น(คนเดียว)

ผมบอกกับ จะไหน ว่าไม่ต้องทำเยอะแค่นี้ก็พอแล้วครับ สำหรับตัวคนเดียวอย่างผม หลังจากที่ผมกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ผมก็ไปบอกกับ จะไหน ให้จองเรือให้ผมด้วยเพราะพรุ่งนี้ผมจะไป Snorkeling ที่ “เกาะเหลาเหลียง” ครับ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมก็ไปอาบน้ำและเข้านอนตามลำดับ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องตื่นเช้าครับ เชื่อไหมครับว่าผมจะนอน ผมใช้เวลาก่อนนอนติดตามข่าวสารต่างๆผ่านทาง Facebook นั่งเขียนบันทึกการเดินทางของผมในวันนี้

เวลา 22:30 น.” ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาทำให้ผมออกอาการง่วงนอนแล้ว หลังจากวันนี้ทั้งวันทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทาง ถึงตอนนี้ผมคงต้องขอตัวไปนอนจริงๆแล้วนะครับ ฝันดีครับพี่น้อง

วันที่ 26 มีนาคม 2561 เวลา 06:00 น.” ผมตื่นจากการนอนด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ผมตั้งไว้ พอผมตื่นนอนสิ่งแรกที่ผมจะต้องทำทุกๆครั้งเวลาที่ออกเดินทางมาเที่ยวต่างจังหวัดคือ สัมผัสบรรยากาศยามเช้าอันบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ จากนั้นผมจึงไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เป็นขั้นตอนต่อไป วันนี้ผมให้ จะไหน จองเรือกับชาวบ้านเพื่อออกเรือไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่ “เกาะเหลาเหลียง

เวลา 06:30 น.” ก่อนไปขึ้นเรือผมออกไปซื้อ ขนมและเครื่องดื่มติดไปด้วย เผื่อระหว่างออกไปทำกิจกรรมวันนี้จะหิว พอซื้อขนมและเครื่องดื่มเสร็จ อุปกรณ์สำหรับการเดินทางทุกอย่างพร้อมและเรียบร้อย จากนั้นผมจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปขึ้นเรือที่ “แหลมปันหยัง” ซึ่งเรือที่ผมใช้ในโดยสารออกไปเที่ยววันนี้ก็เป็นเรือประมงพื้นบ้านที่คนที่นี่ใช้ทำประกอบอาชีพกันเป็นประจำนี่แหละครับ สำหรับผมแล้วมันถือว่าเป็นการช่วยให้คนในพื้นที่ได้มีรายได้ด้วยครับ ซึ่งผมเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ที่ผมจะออกไปเที่ยวเกาะเหลาเหลียงนั้น ผมไม่จำเป็นต้องรอใคร ไม่จำเป็นต้องสวยหรู ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำเป็นพอครับ ไปครับ ไปเที่ยวเกาะเหลาเหลียงกับผม กันครับ !

เวลา 07:15 น.” เมื่อทุกอย่างพร้อม โดยเฉพาะอาหารของผมและพี่คนขับเรือ เราก็ออกเดินทางกันเลยครับ

ผมรู้สึกว่า ผมนี่คุ้มค่าตั้งแต่เรือยังไม่ออกละครับ เนื่องจากเปรียบเสมือนการได้ออกทัวร์แบบส่วนตัวสุดๆ พี่คนขับเรือบอกกับผมว่า เราจะใช้เวลาเดินทางจาก แหลมปันหยัง ถึง เกาะเหลาเหลียง ประมาณ 45 นาที

เห็นเกาะที่อยู่ไกลๆ ทางด้านซ้ายของรูปไหมครับ นั่นแหละครับเกาะเหลาเหลียงที่ผมกำลังจะเดินทางไป ระหว่างทางที่ผมนั่งเรือและถ่ายรูปเล่นอยู่นั้นพี่คนขับเรือเรียกให้ผมดูปลาโลมาด้วย ซึ่งผมรู้สึกตื้นเต้นเป็นอย่างมากครับ แต่ผมก็ไม่ได้เห็นมันหรอกครับ สงสัยมันจะตื่นตกใจเสียงเรือ ผมนั่งเรือไปพลางคุยกับพี่คนขับเรือไปด้วย การสนทนาระหว่างผมกับพี่คนขับเรือเป็นไปแบบเรียบง่าย จนเราสองคนเริ่มคุ้นเคย คุยเล่นกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เวลา 08:30 น.” ตอนนี้พี่คนขับเรือพาผมมาถึงด้านหน้าของเกาะเหลาเหลียงแล้วครับ

เกาะเหลาเหลียงมีอยู่ด้วยกัน 2 เกาะคือ เกาะเหลาเหลียงพี่ และ เกาะเหลาเหลียงน้อง ซึ่งเมื่อก่อนทั้ง 2 เกาะนี้ไม่อนุญาติให้นักเที่ยวขึ้นไปบนฝั่งได้เนื่องจากเป็นเกาะที่มีการทำสัมปทานรังนกครับ แต่ปัจจุบัน เกาะเหลาเหลียงพี่ ได้อนุญาติให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปพักค้างแรมได้แล้ว(ที่พักเป็นเต็นท์) และทำกิจกรรมริมชายหาดได้บางประเภทแต่ยังคงมีการทำสัมปทานรังนกอยู่นะครับ สาเหตุที่อนุญาติให้ขึ้นไปพักผ่อน ค้างแรมได้ก็เพราะนกนางแอ่นที่เข้ามาทำรังนกที่เกาะเหลาเหลียงพี่มีจำนวนน้อยลง ซึ่งต่างจากเกาะเหลาเหลียงน้องที่ยังไม่มีการอนุญาติให้ขึ้นไปบนฝั่งเนื่องยังมีการทำสัมปทานรังนกอยู่อย่างเต็มรูปแบบครับ และนี่ก็คือความรู้คร่าวๆ ที่ผมได้ศึกษาก่อนออกเดินทางทุกๆครั้ง พี่คนขับเรือจอดเรืออยู่สักครู่ก่อนที่พี่แกจะเอ่ยถามผมว่า

พี่คนขับเรือ : ยังไม่ต้องไปดูปะการังหรอก

ตัวผม : แล้วพี่จะไปไหนล่ะ

พี่คนขับเรือ : ไปตกหมึกกันก่อน

ตัวผม : ไปได้เหรอพี่

พี่คนขับเรือ : เถอะน่าๆ…เดี๋ยวพาไป

ตัวผม : คิดเงินกูเพิ่มปะว่ะ (แอบคิดในใจ)

ตัวผม : ไปๆพี่

พี่คนขับเรือ : มันต้องอย่างงั้น ไปๆ เดี๋ยวพาไป

ตัวผม : งั้นก็ไปกันเลย

พี่คนขับเรือและผมตกลงที่จะออกไปตกปลาหมึกกันก่อนที่จะเอาเรือไปจอดที่เกาะเหลาเหลียงเพื่อดำน้ำตื้นดูปะการัง

หลังจากได้รับการฝึกฝนจากอาจารย์ประจำเรือด้วยหลักสูตรระยะสั้น ผมก็ทำการเหวี่ยงเบ็ดลงน้ำในทันที หลังจากโยนเบ็ดไปไม่ทันไรเบ็ดผมก็ติดเข้าอย่างจัง ติดแล้ว ติดแล้ว เบ็ดขว้างไปไม่พ้นติดขาผมอย่างจัง ฮ่าๆ

เวลาผ่านไปไม่นาน ผมและพี่คนขับเรือก็ได้ฉลองกับปลาหมึกตัวแรกของวันนี้แล้ว อ้าวๆๆๆๆ…..เฮ !!!!

ตัวแรกที่ได้พี่คนขับเรือใช้เวลาแค่อึดใจเดียวก็ได้ละ แถมตัวใหญ่ซะด้วย ผมไม่ยอมแพ้เหวี่ยงเบ็ดต่อไปอย่างมีความหวังที่จะได้ปลาหมึกสักตัวเพื่อเป็นรางวัลแห่งความพยายาม และทันใดนั้นเองโชคก็เข้าข้างผมบ้างแล้ว ปลาหมึกติดเบ็ดผมเข้าจนได้ครับ

ผมกับพี่คนขับเรือตกปลาหมึกกันไปเรื่อยๆ พลางนั่งคุยเรื่องเกี่ยวกับการหาปลาในทะเล แถมพี่คนขับเรือยังสอนวิธีการตกปลาหมึกและเทคนิคในการทำให้ปลาหมึกกินเหยื่อให้กับผมอีกด้วย

เห็นไหมครับ เวลาผ่านไปนานเราได้ปลาหมึกตั้งหลายตัวแล้ว สงสัยกลับไปถึงที่พักต้องรบกวน จะไหน ทำให้กินซะแล้ว แต่ก่อนที่จะให้ จะไหน ทำให้กิน เดี๋ยวผมกับพี่คนขับเรือจะทดลองกินกันแบบสดๆก่อน 1 ตัวครับ ว่าแล้วเราก็จบกิจกรรมการล่าเจ้าปลาหมึกแต่เพียงเท่านี้ครับ จากนั้นพี่คนขับเรือก็พาเรือไปเทียบท่าที่เกาะเหลาเหลียงครับและเราทั้งสองคนก็จัดการทำปลาหมึกกินกันสดๆตรงนี้เลยครับ เอาๆไหนๆมาแล้วต้องลองถือว่าเป็นการเพิ่มพลังก่อนไปดำน้ำตื้นดูปะการัง

ภาพมันอาจจะเบลอๆหน่อยนะครับ เพราะว่าผมเอามาจากคลิปวีดีโอที่ผม Live Facebook ถ้าใครได้ดูอยู่ในช่วงนั้นก็จะเห็น เผลอไปแป๊บเดียวปลาหมึกหมดไป 1 ตัว

และนี่ก็คือผลงานของผมและพี่คนขับเรือในวันนี้ครับ ผมอ่ะได้ตัวเล็กแค่ตัวเดียวเท่านั้นแหละครับส่วนที่เหลือเป็นของพี่คนขับเรือทั้งหมด หลังจากที่เรากินปลาหมึกสดๆกันแล้ว

ต่อไปก็เป็นกิจกรรมหลักของผมในวันนี้แล้วครับนั่นก็คือดำน้ำตื้นเพื่อดูปะการังครับ

ผมขอเวลาไปสำรวจโลกใต้น้ำก่อนนะครับ เหมือนเช่นเคยครับ เดี๋ยวผมจะนำภาพใต้น้ำมาฝากครับ

น้ำทะเลที่ใสบวกกับแสงแดดที่ส่องถึงทำให้ผมมองเห็นภาพด้านล่างอย่างชัดเจน

ปะการังส่วนใหญ่ในแถบนี้ก็จะเป็นปะการังจำพวก ปะการังโขดหิน ปะการังเขากวาง หญ้าทะเล ปะการังสมอง ปลาเล็กปลาน้อย และอีกมากมายที่ผมไม่รู้จัก

ส่วนเจ้าปลาตัวนี้อ่ะมันคือปลาอะไรใครพอจะรู้จักบ้าง คือมันชอบพลางตัวอยู่กับปะการังโขดหินอะครับ แถมยังไม่หนีไปไหนด้วย สงสัยมันคงคิดว่าผมไม่เห็นมันแน่ๆเลย

ผมใช้เวลาในการดำน้ำตื้นชื่นชมปะการังสักประมาณ 1 ชั่วโมงครับ จากนั้นผมก็เดินถ่ายรูปเล่นบริเวณชายหาดเกาะเหลาเหลียงต่อ

ต้องขอบอกเลยครับว่าน้ำทะเลที่เกาะเหลาเหลียงแห่งนี้ใสมากๆ หาดทรายก็ขาว

ผมเดินถ่ายรูปเล่นไปจนสุดหาดทราย ผมก็เจอบันไดที่ใช้สำหรับไต่ขึ้นไปบนหน้าผา บันไดนี้มีไว้เพื่อปีนขึ้นไปเก็บรังนก ผมเห็นบันไดแล้วรู้สึกคันไม้คันมือเลยต้องของลองปีนดูสักหน่อย การที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ทะเลสวย ชายหาดสวยงาม แสงแดด สายลม และตัวคนเดียว(ไม่มีสองเรา ฮ่าๆ) มันเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด จนไม่อยากจะไปจากที่นี่เลย

ที่บนเกาะเหลาเหลียงแห่งนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งหมด ทำให้เกาะแห่งนี้เงียบสงบและน่าพักผ่อนที่สุด

เวลา 11:00 น.” ผมเดินไปตามพี่คนขับเรือเพื่อที่จะเดินทางกลับไปยังเกาะลิบง

ต้องลาแล้วเจ้าเกาะเหลาเหลียงอันแสนสงบ มีโอกาสจะกลับมาพักที่นี่สักครั้งแน่นอนครับ

พี่คนขับเรือขับเรือพาผมมุ่งหน้ากลับไปยังเกาะลิบง แต่พี่คนขับเรือบอกกับผมว่าเดี๋ยวขากลับจะแวะพาไปนั่งดูเจ้าพะยูนก่อนที่จะเข้าฝั่ง โอกาสครั้งสุดท้ายในการดูเจ้าพะยูนในครั้งนี้มาแล้วผมต้องเห็นมันให้ได้ ออกมาให้เห็นหน่อยนะ ได้โปรด ระหว่างที่ผมนั่งเรือกลับเข้าฝั่งนั้น ผมอยากลองขับเรือดูบ้างจะได้รู้ว่าการขับเรือมันยากแค่ไหน มาลองดูกันครับ

บอกได้คำเดียวเลยครับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แถมยังหนักอีกต่างหาก ขืนพี่คนขับเรือปล่อยให้ผมขับนะรับรองวันนี้เราไม่ได้เข้าฝั่งกันแน่ๆ คงหมุนวนไปมาอยู่แถวนี้นั่นแหละครับ ผมทดลองขับได้แป๊บเดียวก็ปล่อยให้พี่คนขับเรือขับต่อ จนมาถึงอ่าวที่เจ้าพะยูนชอบขึ้นมากินหญ้าทะเล พี่คนขับเรือดับเครื่องยนต์เรือและปล่อยให้เรือลอยลำเพื่อจะได้ไม่ไปเป็นการรบกวนเจ้าพะยูนเผื่อมันจะออกมาให้บ้าง ผมและพี่คนขับเรือนั่งรอดูเจ้าพะยูนนานถึง 1 ชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววที่เจ้าพะยูนจะโผล่ขึ้นมาให้ผมได้เห็น เราจึงตัดสินใจกลับกัน

เวลา 12:34 น. ผมเดินทางกับมาถึงที่พักบ้านเห็น จะไหน กำลังต้อนรับลูกค้าที่มากินมื้อกลางวันกัน ผมเลยถือโอกาสนำปลาหมึกที่ผมและพี่คนขับเรือตกมาได้ย่างกินกันซะเลย

จะไหน เดินไปหยิบน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้ผมจิ้ม พลางบอกว่า “ไม่รู้ว่าจะไปตกหมึกกันจะได้ให้พาน้ำจิ้มไปด้วย

ผมย่างปลาหมึกจนเสร็จและนำมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย เผ็ดด้วย ที่บ้าน จะไหน คนที่มีหน้าที่ทำอาหารคือลูกสาวของ จะไหน เองนั่นแหละครับ ระหว่างที่ผมนั่งกินปลาหมึกย่างอยู่นั้นลูกสาวของ จะไหน ก็กำลังทำยำไข่แมงดาทะเลให้ทุกคนได้กินกัน ส่วนตัวผมนั้นขอบายครับ หลังจากไม่ขอลิ้มลองยำไข่แมงดาทะเล ผมจึงขออนุญาตทุกๆคนเพื่อไปอาบน้ำและเก็บสัมภาระของผมให้เรียบร้อย แต่ช้าก่อนเพราะมันมีอีกหนึ่งที่ที่ผมยังไม่ได้ไปนั่นก็คือ “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” ผมเดินลุยโคลนหลังบ้าน จะไหน ซึ่งเป็นช่วงน้ำลดเหลือแต่โคลน ผมต้องเดินด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมากไม่เช่นนั้นเปลือกหอยจะบาดเท้าได้ ผมเดินมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เจอ

นี่ไงละครับ “บ่อน้ำจืดกลางทะเล” น้ำในแอ่งนี้จืดจริงๆครับ ผมลองชิมเรียบร้อยแล้ว จะไหน เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อก่อนที่ยังไม่มีค่อยมีน้ำจืดใช้กันก็ได้พึ่งพาอาศัยน้ำจืดในแอ่งนี้ใช้ในชีวิตประจำของแต่ละครัวเรือนครับ จะไหน ยังเล่าให้ฟังอีกว่าน้ำในแอ่งน้ำแห่งนี้ไม่เคยแห้งเลยมันจะซึมออกมาเรื่อยๆ ไปอาบน้ำดีกว่า

เวลา 13:35 น.” ผมอาบน้ำและเก็บสัมภาระเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางเข้าตัวเมืองตรัง เดิมทีผมคิดว่าจะนอนที่นี่ 2 คืน แต่เนื่องภารกิจของผมที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว อีกอย่างถ้าผมนอนที่นี่ต่ออีก 1 คืน จะทำให้ผมพลาดการได้ลิ้มลองหมูย่างเมืองตรังและติ่มซำของขึ้นชื่อที่นี่ และของกินเหล่านี่แหละครับที่ทำให้ผมยอมกลับเข้าตัวเมือง ตรัง ส่วนเรื่องค่าที่พักโฮมสเตย์ผมจ่ายครบทั้ง 2 คืนแล้ว ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาและสิ่งที่ผมต้องนำมาใส่ใจแต่อย่างใดสำหรับค่าห้องอีก 1 คืนที่เหลือ การเดินทางของผมมันขึ้นอยู่กับความสุขและมิตรภาพที่ผมได้รับต่างหาก ไปกันดีกว่าครับไปลา จะไหน และครอบครัวกันดีกว่าครับ

ผมขอ จะไหนและลูกสาวถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกและเก็บไว้เพื่อเป็นความประทับใจของผมว่าครั้งหนึ่งผมเคยได้มาพัก ได้มาเที่ยวที่นี่ และได้รับความสุขที่นี่ แล้วเจอกันใหม่ครับ ผมต้องเดินทางไปท่าเรือแล้ว

เวลา 14:00 น.” ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงที่ท่าเรือข้ามฝากเกาะลิบง ผมทำการซื้อตั๋วและนั่งรอให้ครบจำนวนที่คนเรือต้องการหมายถึง เก็บเงินให้คุ้มค่ากับการที่ออกเรือในแต่ละครั้งนั่นแหละครับ ครั้งนี้ผมนั่งรอเรือไม่นานเรือก็พร้อมออกเดินทางเข้าฝั่งแล้วครับ

ขึ้นเรือแล้ว ผมก็ได้เจอผู้โดยสารเรือที่ร่วมเดินทางข้ามฝั่งไปกับผมด้วย

บ๊าย บาย เกาะลิบงอันแสนสงบแล้วพบกันใหม่นะครับ มีโอกาสกลับมาแน่ๆ เพราะภารกิจการดูเจ้าพะยูนของผมยังไม่บรรลุเป้าหมาย

เวลา 14:26 น.” เรือข้ามฝากจากเกาะลิบงเดินทางมาถึงท่าเรือหาดยาวแล้ว จากนี้ผมคงต้องใช้เวลาทั้งหมดขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อกลับเข้าตัวเมืองตรังแล้ว แต่ระหว่างทางผมคิดไว้แล้วว่าผมจะแวะเข้าไปที่ “อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม” เพื่อแวะเข้าไปหาซื้อสมุดอุทยานแห่งชาติเล่มใหม่และประทับตราอุทยานแห่งชาติเหมือนเช่นเคยครับ ผมขอเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนนะครับ

เวลา 15:11 น.” ผมขี่รถมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ผมเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อประทับตราอุทยานแห่งชาติ

เรียบร้อยครับ เก็บได้อีก 1 อุทยานแห่งชาติแต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งครับเพราะสมุดอุทยานแห่งชาติเล่มใหม่ที่นี่ยังไม่มีวางขาย เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ออกเดินทางกันต่อครับ ขากลับผมใช้เส้นทางเรียบชายหาดวิ่งผ่านหาดปากเมงไปทางอำเภอสิเกาและเข้าตัวเมืองตรัง

ผ่านอุโมงค์ต้นสนด้วยนะครับ สายลมพัดเย็นสบายแม้จะร้อนแดดอยู่บ้าง ขอเวลาขี่มอเตอร์ไซค์ก่อนนะครับเจอกันอีกทีที่ตัวเมืองตรังครับ

เวลา 16:30 น.” ผมเดินทางกลับมาถึงตัวเมืองตรังแล้วครับ ผมใช้สถานีรถไฟจังหวัดตรังเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินทางและใช้ชีวิตในตัวเมืองครับ แต่กว่าจะหาสถานีรถไฟเจอก็ขี่รถวนไปวนมาหลายรอบอยู่เหมือนกันครับ ในที่สุดผมก็หาจนเจอ ทีนี้จะไปไหนมาไหนก็ง่ายสำหรับผมละ ก่อนอื่นผมต้องไปจองตั๋วรถทัวร์เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯในวันพรุ่งนี้ก่อนครับ แล้วค่อยนำรถมอเตอร์ไซค์มาคืนและหาห้องพักราคาสบายกระเป๋านอนสักคืน

ขากลับผมทดลองใช้บริการรถทัวร์ของบริษัทศรีสุเทพทัวร์ดูบ้างครับ ผมจองรถทัวร์เป็น VIP 32 ที่นั่ง สนนราคาอยู่ที่ 680 บาท ระหว่างที่ผมอยู่ที่สถานีขนส่งจังหวัดตรัง ผมลองโทรหาเพื่อนผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันเพื่อนัดเจอและปรึกษาเรื่องที่พักรวมถึงข้อมูลต่างๆ ผมกับเพื่อนนัดเจอกันที่หน้าสถานีรถไฟจังหวัดตรัง

เวลา 17:15 น.” หลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้ายตอนเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ไม่รู้จำไม่ได้แล้วแต่น่าจะสัก 10 ปีได้ วันนี้ได้เจอเพื่อนอีกครั้ง และเพื่อนก็มีน้ำใจให้เพื่อนเสมอครับ เพื่อนผมชวนผมไปนอนที่บ้านจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินเปิดห้อง ตัวผมเองรู้สึกดีใจมากครับและผมก็ยินดีรับความปรารถนาดีจากเพื่อนผม(แต่ก็เกรงใจ) ผมนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เพื่อนเข้าไปที่บ้านพักและทำการพักผ่อนก่อนที่จะออกไปกินข้าวกันในช่วงเย็น

อ่อๆลืมบอกไป เพื่อนผมเป็นไกด์จีนนะครับหากใครต้องการจัดทัวร์และต้องการไกด์ติดต่อได้ที่เพื่อนผมเลยครับ ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ

เวลา 18:00 น.” เพื่อนผมพาผมออกไปหาของกินที่ตลาดชินตาครับ ซึ่งเป็นตลาดนัดที่มีของกินขายมากกว่าของใช้ครับ

ผมและเพื่อนเดินหาซื้อของกินมานั่งกินและฟังเพลงจากน้องๆนักเรียนกลุ่มอาสากันครับ พวกเราเดินเล่นบริเวณรอบตลาดอยู่สักพักหนึ่งก็เดินทางกลับบ้านพักกันครับ เมื่อมาถึงบ้านพักผมก็ออกมาเดินเล่นบริเวณตัวเมืองตรังเพื่อหาซื้อโปสการ์ดกลับไปเขียนส่งให้เพื่อนๆของผมที่อยู่ที่กรุงเทพฯ

ตึกรามบ้านช่องแถวนี้ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เหมือนในอดีตครับ ผมเดินหาร้านที่ขายโปสการ์ดอยู่นานพอสมควรเนื่องจากพอฟ้ามืดลงร้านค้าก็ทยอยปิดทำการ แต่ในที่สุดผมก็มาเจอโปสการ์ดจนได้มันวางขายอยู่ในร้านหนังสือครับ เมื่อได้โปสการ์ดแล้วก็เดินกลับบ้านกันดีกว่า พอผมกลับมาถึงบ้านพักของเพื่อนผม ผมก็รีบเขียนโปสการ์ดเพื่อเตรียมส่งให้เพื่อนๆของผม

หลังจากเขียนโปสการ์ดจนครบทุกใบ ผมก็เตรียมตัวอาบน้ำและเข้านอนตามลำดับ

เวลา 22:30 น.” ผมเตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้มีภารกิจตื่นแต่เช้าเพื่อไปกินหมูย่างและติ่มซำของขึ้นชื่อของเมืองตรัง เจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้านะครับ ฝันดีครับเพื่อนๆนักเดินทางทุกๆท่าน Good Night

วันที่ 27 มีนาคม 2561 เวลา 06:00 น.” ผมตื่นนอนแต่เช้าตรู่เหมือนเช่นเคย

ผมชอบตื่นมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้าของต่างจังหวัดมากเพราะมันรู้สึกสดชื่นสุดๆ จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนตอน 8 โมงเช้าเพื่อไปกินหมูย่างกับติ่มซำ แต่ก่อนออกไปกับเพื่อนผมคิดว่าจะออกไปสำรวจตลาดเช้าในตัวเมืองตรังดูเสียก่อนครับ

ตามผมไปสำรวจตลาดเช้าด้วยกันครับ จากบ้านเพื่อนผมที่ผมพักเมื่อคืนถือว่าเดินไม่ไกลมากนักครับ

ของสดเพียบ ของแห้งก็มีเช่นกัน ช่วงที่ผมออกมาเดินเล่นคนค่อนข้างน้อยลงแล้วครับ

ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆ พลางซื้อขนมกินระหว่างที่เดินถ่ายรูปเล่นไปด้วย หลังจากที่ผมเดินเล่นรอบๆตลาดเช้าจนทั่วแล้วมันก็เป็นช่วงเวลาที่ที่ทำการไปรษณีย์เปิดพอดีผมเลยครับ ผมจึงถือโอกาสนำโปสการ์ดที่เขียนไว้เมื่อคืนไปส่งที่นั่นเลยครับ

เวลา 08:30 น.” ผมและเพื่อนออกเดินทางไปร้านหมูย่างและติ่มซำชื่อดังของเมืองตรังกันครับ ขับรถมาก็ไม่ไกลมากนัก ผมและเพื่อนก็เดินทางมาถึง “ร้านเรือนไทย” ซึ่งเพื่อนผมบอกว่าร้านนี้มีชื่อเสียงมาก เอาจริงๆแล้วร้านเก่าแก่ ร้านที่มีชื่อเสียงมีหลายร้านครับ มันขึ้นอยู่ที่ว่าใครชอบและถูกปากร้านไหนมากกว่ากันครับ

ได้เวลาลิ้มลองกันแล้วครับ อย่าปล่อยให้คำว่ากลัวอ้วนมาทำลายความอยากของเราเลย

มันเป็นอะไรที่อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆครับ ผมนี่แทบจะไม่วางช้อนเลย

อร่อยแค่ไหนผมคงไม่ต้องบรรยายนะครับดูจากภาพกันเอาเองก็แล้วกันนะครับ สำหรับมื้อนี้ผมได้รับความมีน้ำใจจากเพื่อนผมครับ เพื่อนผมขันอาสาขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงผม ต้องขอขอบใจความมีน้ำใจของเพื่อนผมจริง สมกับคำที่ผมเคยได้ยินมาว่า “เป็นเพื่อนกันแล้วมันเลิกยาก” จริงๆ ตัวผมอิ่มจนชนิดที่ว่ากางเกงแน่นเลยครับ อิ่มแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่าเดี๋ยวสายๆกว่านี้เพื่อนผมจะพาไปเล่นน้ำตกคลายร้อน

เวลา 10:15 น.” เพื่อนผมพาผมออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่น้ำตกสักแห่งที่อำเภอย่านตาขาว พร้อมออกเดินทางกันแล้ว ก็ไปกันเลย เราใช้เวลาเดินทางจากบ้านพักมากันที่ “น้ำตกไพรสวรรค์” ประมาณ 45 นาทีครับ เราต้องจอดรถไว้ด้านบนแล้วเดินไปด้านล่างที่เป็นน้ำตก ไปเล่นน้ำกันดีกว่า

น้ำใสและเย็นมากช่วยคลายร้อนได้ดีจริงๆครับ ในส่วนที่ผมลงเล่นน้ำนั้นเป็นในส่วนของลำธารมีน้ำตกเล็กๆเป็นชั้นๆ ไหลผ่านก้อนหินน้อยใหญ่ ส่วนตรงที่เป็นน้ำตกนั้นต้องเดินขึ้นไปอีก งานนี้ผมคงไม่ไหวเนื่องความไม่พร้อมในหลายๆด้าน รวมถึงเรื่องของเวลาด้วยครับ

ผมและเพื่อนใช้เวลาเล่นน้ำอยู่ที่น้ำตกไพรสวรรค์ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ พวกเราก็เดินทางกลับและแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ตัวเมืองก่อนเข้าบ้านพัก

เวลา 14:15 น.” พอมาถึงบ้านพักผมก็รีบขึ้นไปอาบน้ำและเก็บข้าวของจัดลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ ระหว่างที่ผมนั่งรอเวลาไปขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งจังหวัดตรังนั้นเพื่อนผมพาไปออกไปซื้อของฝากของเมืองตรังนั่นก็คือ “เค้กเมืองตรัง” เพื่อนำกลับไปเป็นของฝากให้กับเพื่อนๆที่ทำงาน

เวลา 15:00 น.” เพื่อนผมพาผมไปส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดตรัง

ผมต้องขอบคุณเพื่อนผม(แนท)และแฟนเพื่อนผม(คุณช้างหนุ่มชาวจีน) ที่ให้ความสะดวกสบาย ให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้าน พาผมเที่ยว พาไปกินและดูแลผมเป็นอย่างดีตลอด 1 วันที่อยู่ด้วยกัน หากมีเวลาและโอกาสหนุ่มแบ็คแพ็คเกอร์คนนี้จะกลับไปเที่ยวหาอีกแน่นอน รักเพื่อนเสมอนะ(เช็ดน้ำตาแป๊บ) เดินทางไปขนส่งกันดีกว่า

เวลา 15:32 น.” ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งจังหวัดตรัง ผมกล่าวคำอำลากับเพื่อนและแยกย้ายกันตรงนี้ จากนั้นผมก็ไปนั่งรอรถทัวร์ของบริษัทศรีสุเทพทัวร์เพื่อเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ สำหรับรถทัวร์ที่ผมจองไว้นั้นรถออกเวลา 5 โมงเย็น ผมใช้เวลาที่เหลือก่อนเดินทางหาซื้อของฝากเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ

เวลา 17:00 น.” ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องโบกมือลาเมืองตรัง เมืองที่เงียบสงบ เมืองที่มีทะเลสวย เกาะงามๆ เมืองที่มีแต่ของกินอร่อยๆ มีโอกาสผมจะกลับมาเที่ยวอีกนะ รถทัวร์เคลื่อนตัวออกจากชานชาลามุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ ยาวไปๆ

เวลา 22:45 น.” รถทัวร์เดินทางมาถึงจุดพักครัวคุณสาหร่ายที่จังหวัดชุมพร รถทัวร์จอดให้ผู้โดยสารพักกินข้าวและทำภารกิจส่วนตัวที่นี่ 20 นาที ก่อนที่จะเดินทางกันต่อ

วันที่ 28 มีนาคม 2561 เวลา 05:33 น.” รถทัวร์เดินทางมาถึงสถานีขนส่งหมอชิตเพื่อแวะมาส่งผู้โดยสารบางรายที่แจ้งความจำนงค์ขอลงที่นี่ซึ่งรวมถึงตัวผมเองด้วยครับ จากนั้นผมเดินไปขึ้นรถเมล์ของ ขสมก. ต่อเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสวนจตุจักรไปลงที่สถานีสุขุมวิทครับ

เวลา 06:35 น.” ผมเดินทางมาถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสุขุมวิท จากนั้นผมก็เดินเท้าไปที่โรงแรมที่ผมทำงานอยู่ซึ่งตั้งอยู่ย่านแยกอโศกเพื่อไปขี่มอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ที่นั่นกลับบ้านพักของผมย่านสายไหมครับ

เวลา 08:00 น.” หลังจากฝ่าฟันรถติดมาเป็นเวลานาน ผมก็เดินทางกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพและนี่ถือว่าเป็นการปิดทริปการเดินทางอย่างสมบูรณ์แบบของผมอีกหนึ่งทริปครับ

“ผมเดินทางจากกรุงเทพฯไปจังหวัดตรังด้วยระยะทาง 883 กิโลเมตร เพื่อทำตามความฝันของผมว่าสักครั้งหนึ่งผมจะต้องไปให้ครบทุกจังหวัดของประเทศไทย การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง มากมายซึ่งมันดีกับตัวผมเอง ทำให้ผมรู้จักอดทนในการรอ รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รู้จักตัดสินใจ และที่สำคัญผมได้รับมิตรภาพที่ดีที่เกาะลิบงและความมีน้ำใจของเพื่อนผม แต่มีสองสิ่งหรืออาจจะมากกว่านั้นที่ผมเสียดายคือ ไม่ได้เห็นพะยูนและไม่ได้รู้จักชื่อพี่คนที่ขับเรือพาผมเที่ยว ทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมมีความสุขมากที่ผมได้ทำในสิ่งที่ผมรัก แล้วเจอกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อๆไปนะครับ”

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผมในครั้งมีดังนี้ครับ

กินเที่ยวเต็มที่กับเวลาการเดินทาง 3 วัน 2 คืนที่จังหวัดตรัง ถือว่าคุ้มสุดๆครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการเดินทางครั้งนี้ การเดินไปเกาะลิบงต้องนั่งรถตู้ไปลงที่ท่าเรือหาดยาว ถ้าไปคนเดียวแบบผมเช่ามอเตอร์ไซค์ไปเองจะดีกว่า เพราะว่ารถตู้ถ้าคนไม่ครบเขาไม่ออก

  • รองเท้าผ้าใบ
  • Power Bank ถ้าคุณห่างโลกโซเชี่ยลไม่ได้
  • หนังสือดีๆสักเล่ม
  • เงินกดไปให้พอ เพราะบนกดไม่มีตู้ ATM ผมไม่เห็นนะ
  • รักความสงบและเรียบง่าย
  • อุปกรณ์ดำน้ำเอาไปเอง(ถ้ามี)
  • เที่ยวแล้วรักษาธรรมชาติจะได้อยู่กับเราไปนานๆ
  • ขยะที่มือท่านลงถังเถอะครับ

รูปภาพส่งท้ายของการเดินทางครั้งนี้

สวัสดี

ทัวร์ในประเทศไทย


บทความที่เกี่ยวข้อง