ซาปา (Sa Pa) เมืองเล็ก ๆ ในหุบเขาทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม จุดหมายปลายทางแห่งการพักผ่อน ที่นี่ไม่ได้สวยเพียงแค่ในยามที่ลมหนาวพัดมาเท่านั้น เพราะฤดูกาลอื่น ๆ ซาปาก็สวยสดงดงามมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลไม่แพ้กัน สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ชอบธรรมชาติและความเงียบสงบ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่หรือใครที่ต้องการหาที่เที่ยวใหม่ ก็อาจจะอยากรู้จักกับซาปาให้มากยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงจะไปดูข้อควรรู้เกี่ยวกับการเที่ยวซาปา ว่ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ซาปา ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) ทางฝั่งตอนเหนือสุดของประเทศเวียดนาม ติดกับชายแดนประเทศจีน เป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งจะถูกรายล้อมไปด้วยขุนเขา ที่นี่จึงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และสวยงาม
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับยอดเขาฟานซีปัง (Fansipan) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเวียดนาม (3,143 เมตร) และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย ซาปาจึงเต็มไปด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขาที่งดงาม อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่สำคัญคุณสามารถพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้ง่าย ๆ เพราะมีกระเช้าไฟฟ้าให้บริการขึ้นไปเที่ยวชมด้านบนของยอดเขา
เพราะครั้งหนึ่งเมืองหล่าวกายเคยตกอยู่ในการยึดครองของฝรั่งเศส ทำให้สถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง นั้นจะมีลักษณะแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) ประกอบกับธรรมชาติที่สวยงามของซาปา ที่นี่จึงกลายเป็นยุโรปตะวันออกที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างต้องการมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง
ในส่วนของเมืองนั้นก็จะมีตึกรามบ้านช่องและอาคารบ้านเรือนมากมาย พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานที่ราชการ โบสถ์ ที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ ตึกและอาคารต่าง ๆ จะปลูกสร้างให้ลดหลั่นไปตามความสูงชันของเนินเขา แม้จะมีภาพของอาคารบ้านเรือนมากมาย แต่ก็ยังงดงามเพราะเมืองทั้งเมืองจะรายล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวสดใส และยังมีทะเลสาบกลางเมืองอีกด้วย
โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวม้ง รองลงมาคือชาวเย้า และตามด้วยชาวญวน (Kinh), ชาวไต (Tay) และชาวซั้ย (Giay) คนส่วนมากจะสื่อสารด้วยภาษาเวียดนามเป็นหลัก แต่ก็มีบางส่วนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว
มีหมอกสวยงามในหน้าฝน และมีหิมะตกในหน้าหนาว บรรยากาศของเมืองนี้จึงโรแมนติก เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อนสุด อุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 15-16 องศาเซลเซียสร้อนที่สุดไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส ช่วงเดือนที่อากาศอบอุ่นที่สุดจะอยู่ที่เดือนเมษายนและเดือนกรกฎาคม เดือนที่หนาวที่สุดจะอยู่ระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคมส่วนเดือนที่มีฝนจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาจะมีหิมะตกที่ซาปาช่วงต้นปีเกือบทุกปี
ที่ตั้งลดหลั่นกันลงมาตามภูเขาสูงชัน และยังมีภูเขาน้อยใหญ่รายล้อม พร้อมกับทะเลหมอกสีขาวละมุน คุณสามารถพบกับภาพความสวยงามเหล่านี้ได้ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน แต่ถ้าอยากได้ภาพนาข้าวขั้นบันไดสีเขียว ๆ ให้ขยับขึ้นมาอีกนิดราว ๆ เดือนกรกฎาคม จุดที่ถ่ายรูปนาข้าวขั้นบันไดสวย ๆ คือ Muong Hoa Valley
ของเมืองซาปาจะมีอยู่ 2 หมู่บ้านหลัก ๆ คือหมู่บ้านตาฟ่าน (Ta Van Village) และหมู่บ้านกั๊ต กั๊ต (Cat Cat Village) หมู่บ้านตาฟ่าน จะมีนาข้าวขั้นบันไดให้ชม บรรยากาศเงียบสงบ หมู่บ้านกั๊ต กั๊ต จะเป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมของชาวม้งดำ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามเช่นกัน และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย มีน้ำตกสวย ๆ ให้ได้ชมกันด้วย ทั้งนี้หมู่บ้านท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมหมู่บ้าน เตรียมเงินไปด้วยนะ
และยอดเขาฟานซีปังแล้ว ในซาปาและบริเวณโดยรอบก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดอีกมากมาย อาทิ Sapa Lake, Notre Dame Cathedral, Cafe in The Clouds, Y Ty Village, Lao Chai Village ,Ta Phin Village, Sapa Market, Coffee View & Bar, Silver Waterfall ,Ban Pho Village, Tram Ton Pass, Ham Rong Mountain เป็นต้น
จะมีหลายหมู่บ้านที่เปิดบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ได้ไปนอนพักและสัมผัสวิถีชีวิตสุดเรียบง่ายของชาวบ้าน ซึ่งแต่ละหมู่บ้านก็จะมีความประทับใจแตกต่างกันไปตามแต่ประเพณีและวัฒนธรรมของหมู่บ้านนั้น ๆ
มีหลากหลายแบบให้เลือก ใครอยากนอนโฮสเทลก็ได้ หรือจะพักรีสอร์ทและโรงแรมสวยหรูกับบรรยากาศนาข้าวขั้นบันไดก็ได้
หนึ่งวิธีที่จะเที่ยวซาปาได้อย่างสะดวกสบายก็คือการเช่ารถจักรยานยนต์
ควรจะแลกเงินไปก่อนนะ ถ้าจะไปแลกที่เวียดนามแนะนำให้ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการแลก เพราะจะได้เรตที่ดีกว่าและมีความเป็นสากล แม้แต่ร้านค้าเล็ก ๆ บางร้านก็ยังรับแลก
แนะนำให้ซื้อซิมโทรศัพท์ท้องถิ่นเลย ราคาจะอยู่ประมาณ 200-500 บาท อยู่ที่ว่าเราจะเลือกเครือข่ายไหน ใช้แพ็กเกจแบบใด
แต่ก็มีร้านอาหารยุโรปอร่อย ๆ หลายร้าน ใครไปเที่ยวที่นี่จึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารไม่ถูกปาก มีอาหารอร่อย ๆ ให้เลือกกินมากมายแน่นอน
มีทั้งแบบ 2 ขาแบน และ 3 ขา แต่ทางที่ดีที่สุดก็ควรเตรียม Universal Adapter ไปด้วยดีกว่า
มีทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้านและรับมาจากโรงงาน ราคาก็พอประมาณ ยิ่งถ้าใครไปเที่ยวตามหมู่บ้านต่าง ๆ ชาวบ้านก็จะนำสินค้ามาขาย บางหมู่บ้านจะมีการขายที่โหดมาก เดินตามตลอด ถ้าไม่ซื้อแนะนำให้บอกชาวบ้านไปตรง ๆ
เพราะประเทศเวียดนามได้ยกเลิกการตรวจลงตราวีซ่ากับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทย โดยสามารถพำนักอยู่ในเวียดนามได้ไม่เกิน 30 วัน
จากนั้นสามารถเลือกได้ว่าจะนั่งรถโดยสารประจำทาง รถบัส รถตู้ หรือรถไฟไปยังซาปา ถ้าอยากไปถึงซาปาโดยตรงเลยและไม่หวั่นเรื่องค่าใช้จ่าย ก็สามารถใช้บริการรถบัสและรถตู้ได้เลย แต่ถ้าไม่เร่งรีบ อยากไปเที่ยวแบบชิล ๆ ก็เลือกใช้บริการรถโดยสารประจำทางและรถไฟ ซึ่งทั้งสองแบบหลังนี้นักท่องเที่ยวต้องไปต่อรถที่เมืองหล่าวกายเพื่อไปยังเมืองซาปาต่อไป