หนีร้อนไปร่อนที่ฮ่องกง
ทีเด็ดช่วงซัมเมอร์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด เพราะมหานครระดับโลกของเอเชียแห่งนี้ฉลองหน้าร้อนกันแบบจัดเต็มทุกปีจริงๆ เรียกว่าขาประจำแค่ไหน ก็เดาทางกันไม่ถูก ใครเคยมาฮ่องกงบ่อยแล้วรับรองปีนี้พีคกว่าเดิมแน่นอน ดังนั้น อย่ามัวรอช้า มาอัพเดทแหล่งที่ท่องเที่ยวสุดคูล ของฮ่องกง กันเลย!
สัมผัสเสน่ห์ย่านฮอตสุดฮิตในฮ่องกง
ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์นักช้อปก็จริง แต่ฮ่องกงยังมีย่านน่าเที่ยวรอให้คุณเดินลัดเลาะเข้าไปค้นหาอีกเพียบเตรียมพบกับมุมน่ารักๆ ของวัฒนธรรมเก่าแก่ที่อยู่ร่วมกับคาเฟ่ร้านรวงเก๋ๆ ได้อย่างลงตัว
1. ซัมชุยโป (Sham Shui Po)
ซัมชุยโปถือเป็นเขตเมืองเก่าที่เคยรุ่งเรืองอย่างมากในอดีต สะท้อนให้เห็นได้จากสภาพตึกรามบ้านช่องวิถีชีวิตของตลาดแบบฮ่องกงขนานแท้ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นไอเดียในการรีโนเวทอพาร์ทเมนต์เก่าแก่ของ Wontonmeen จนกลายเป็นอาร์ตสเปซหลากฟังก์ชั่นภายในเปิดให้บริการเป็นโฮสเทล คาเฟ่ ร้านหนังสือ และสตูดิโอจัดงานศิลปะวัฒนธรรม เพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีกกับการเดินชมผลงาน Street Art จากศิลปินทั่วโลก บนจิตรกรรมฝาผนังร่วมสมัย ตั้งแต่ถนน Cheung Sha Wan ไปจนถึง Lai Chi Kok ครบเครื่องแบบนี้ ย่านซัมชุยโปจึงรับหน้าที่เจ้าภาพในการจัดเทศกาล HKwalls Street Art เป็นประจำทุกปีนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารกวางตุ้งเก่าแก่ ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1956 อย่าง Oi Man Sang ร้านอาหารกลางแจ้งที่เสิร์ฟสารพัดเมนู ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว หอยหลอด หมึกกล้วย และอาหารจานเด็ดสไตล์กวางตุ้งอีกมากมาย ควรค่าแก่การไปลองชิมสุดๆ อิ่มอาหารคาวแล้วค่อยแวะไปชิมขนมหวานปิดท้ายที่ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ The Garden Bakery Centre ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 80 ปี ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในฮ่องกง และที่นี่ยังมีนิทรรศการบอกเล่าประวัติความเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้ง รวมไปถึงคาเฟ่ที่มีขนมทานเล่นให้เราเลือกกินหลากหลายยี่ห้อ รวมถึงของที่ระลึกให้ช้อปติดมือกลับบ้านอีกด้วย
2. เซาท์เทิร์น ดิสทริคท์ (Southern District)
ภาพจำในอดีตของย่านเซาท์เทิร์นคือ เขตที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม แต่เมื่อมีรถไฟใต้ดินทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น ทำให้ เซาท์เทิร์น ดิสทริค กลายเป็นอีกหนึ่งย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องอีเวนต์ทางศิลปะแหล่งช้อปปิ้งใหม่ๆ ทั้งยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารจานอร่อยและร้านกาแฟสุดฮิปอีกมากมายที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสชีวิตกลางคืนที่แสนจะคึกคัก ทั้งยังมีเพชรเม็ดงามซ่อนอยู่ในย่านนี้อีกเพียบ
ส่วนพิกัดแรกสำหรับใครที่อยากชมภาพวิถีชีวิตในอดีตของผู้คนบนเกาะฮ่องกง ต้องไม่พลาดการไปเยือนบ้านเลขที่ 10 ในหมู่บ้าน Wong Chuk Hang San Wai ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปี 1860 – 1870 เป็นหนึ่งในบ้านไม่กี่หลังที่ยังคงสภาพเดิม โดยมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กให้เข้าไปสำรวจสถาปัตยกรรมและข้าวของโบราณต่างๆ อีกด้วย
สถานีต่อไปเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ต้องแวะไป Ocean Park Hong Kong
สวนน้ำระดับเวิลด์คลาส โดยปีนี้พิเศษตรงที่ทางสวนน้ำได้จัดงานฉลองครบรอบ 40 ปีจัดเต็มทุกความสนุกสดชื่นเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องเล่นสุดมัน และแกรนด์อควาเรียมที่น่าตื่นตาตื่นใจ
ปิดท้ายค่ำคืนอันน่าประทับใจกันที่ Rooftop Bar บนโรงแรม Ovolo Southside อย่าง Above ที่ดัดแปลงจากโกดังเก็บสินค้าเก่า เลือกนั่งชิลล์ได้ทั้งด้านนอกและด้านในพร้อมชมวิวเกาะฮ่องกงยามราตรีได้เกือบรอบทิศอีกด้วย
3. จิมซาจุย (Tsim Sha Tsui)
ไม่ว่าจะฮิตแค่ไหน การกลับมาเดินเที่ยวย่านจิมซาจุยก็สร้างความตื่นตาตื่นใจได้เสมอ นอกเหนือจากท่าเรือ Star Ferry ชื่อดัง และห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้าไปละลายทรัพย์กันอย่างเมามันยังมีร้านอาหารรสเด็ด คาเฟ่สุดชิค และบาร์ดีๆ ให้นั่งชิลล์จนลืมเวลาอีกด้วย
สำหรับที่ที่เหล่าขาช้อปทั้งหลายห้ามพลาด คงหนีไม่พ้นการไปเดินชิลๆ พร้อมเสียทรัพย์แบบไม่ทันตั้งตัวที่ Harbour City ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดของฮ่องกง เพราะสินค้าแบรนด์เนมระดับ High-End ทั่วโลกถูกรวมมาไว้ที่นี้เดินเล่นเสร็จ อาจอยากกินข้าว กินขนม ที่นี่ก็มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆ อีกเพียบที่รอให้เราไปเช็คอิน
ถ้าคุณต้องการหลบเร้นไปจากบรรยากาศของตัวเมืองฮ่องกงอันแสนจะวุ่นวายแนะนำให้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่อายุกว่า 5 ทศวรรษ อย่าง Star Café ที่ยืนหยัดเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1966 แม้จะมีการปรับปรุงร้านให้ดูใหม่ขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์แห่งความย้อนยุคของที่นี่ลดน้อยลงเลยมาถึงที่นี่ทั้งที ต้องลองลิ้มรสชาติของซุปมะเขือเทศ ที่ทำจากมะเขือเทศสดใหม่ทุกวันรับรองว่าจะต้องติดใจในความเข้มข้นกลมกล่อมของซุประดับตำนาน
หากอยากปิดท้ายค่ำคืนด้วยมื้ออาหารกินลมชมวิวพาโนราม่าของท่าเรือวิคตอเรีย ให้ไปต่อกันที่ Aqua ร้านอาหารฟิวชั่นสไตล์อิตาลี-ญี่ปุ่น ที่มีดีเจคอยเปิดเพลงแกล้มค็อกเทลรสชาติดีตลอดคืน
4. หว่านไจ๋ (Wan Chai)
หว่านไจ๋ถือเป็นอีกย่านที่ผสานเมืองเก่าให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมเก่าแก่และตลาดห้างร้านสไตล์ดั้งเดิมควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งแฮงเอาท์สไตล์โมเดิร์น อย่าง Green Ladies& Green Little ร้านขายเสื้อผ้ามือสองสุดชิคที่รอให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าไปจับจองเป็นเจ้าของ นอกจากจะมีเสื้อผ้าผู้หญิงแล้ว ยังมีเสื้อผ้าเด็กเก๋ๆ อีกด้วย
ส่วนของกินขึ้นชื่อที่ห้ามพลาด หนีไม่พ้น Joy Hing Roasted Meat ร้านข้าวหมูแดง ไก่ต้มซีอิ๊ว และเป็ดย่าง ที่สืบทอดกิจการมาถึงรุ่นที่ 4 และยังคงไว้ซึ่งรสชาติอร่อยเด็ดทำให้บ่อยครั้งมีคนมาต่อแถวยาวไปถึงริมถนนเลยทีเดียว
ถ้าคุณเป็นสายคาเฟ่ ชอบเช็คอินถ่ายภาพเก๋ๆ ลงโซเชียล ต้องมาแวะที่ Starstreet Precinct เพราะที่นี่เป็นแหล่งแฮงเอ้าท์หลังเลิกงานของคนในย่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านขายของ
บาร์ และอาร์ตแกลเลอรี่ รวมทุกสิ่งเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ไว้ที่นี่ที่เดียว
อะไรจะดีไปกว่าการได้ไปชิลล์ที่ย่านสตาร์สตรีท ที่มีทั้งร้านอาหารอร่อยๆ และร้านกาแฟฮิปๆ เพียบ รวมไปถึง Sam Bat Mai Kudzu แหล่งรวมเครื่องดื่มเด็ดๆ ไม่ว่าจะเป็นไวน์อายุมากกว่า 60 ปี รวมถึงชาสมุนไพรบำรุงร่างกายนานาชนิด ที่รอให้ทุกคนไปลิ้มรสเพื่อเพิ่มพลังชีวิต และอีกหนึ่งร้านที่พลาดไม่ได้ก็คือ The Pawn ที่ตกแต่งภายในด้วยปูนเปลือยและเฟอร์นิเจอร์ไม้
ชั้นล่างมีบาร์เครื่องดื่ม เสิร์ฟค็อกเทลนานาชนิดให้ทุกคนได้เอนจอยก่อนเติมท้องให้อิ่มด้วยอาหารตำรับอังกฤษ ณ ชั้นบนของร้าน
5. หยวนลอง (Yuen Long)
ใครอยากสัมผัสฮ่องกงในอ้อมกอดของธรรมชาติ ต้องเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านในเขตหยวนลองดูสักครั้งเต็มอิ่มกับทัศนียภาพอันงดงามของพื้นที่ในเขตไร่นาป่าไม้ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของฮ่องกงในชุมชนเก่าแก่อย่างหมู่บ้านเพ่งซาน ที่มีผู้อยู่อาศัยเป็นคนพื้นถิ่น ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปลายราชวงศ์หยวนตกเย็นค่อยมุ่งหน้าไปหาอาหารทะเลสดๆ กิน ที่ตลาดปลา Lau Fau Shan ที่มีวิวพระอาทิตย์ตกดินเป็นของแถม
ขาลุยห้ามพลาด Hong Kong Wetland Park อุทยานสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ระดับโลกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชมพันธุ์ไม้นานาชนิด แถมยังเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าจำนวนมาก
ในพื้นที่ชุ่มน้ำของฮ่องกงอีกด้วย และหากคุณได้ไปหยวนลงในวันแดดออกห้ามพลาดการชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติกที่ Ha Pak Nai ซึ่งเหมาะแก่การพาแฟนไปเดทเป็นอย่างมาก
การเดินทาง: ลงสถานี MTR Yuen Long ทางออก A และเดินไปยังถนน Tung Lok ต่ออีก 12 นาที เพื่อขึ้นมินิบัสสาย 33 และลงป้าย Ha Pak Nai
นอกจากนี้ ยังมีสวนเพาะพันธุ์สับปะรดอินทรีย์อย่าง Go Green Organic Farm ที่เปิดให้คุณได้เข้าไปทดลองปลูก ทำขนมหวานจากสับปะรด และเลือกซื้อสับปะรดถึงในสวน
การเดินทาง: ลงสถานี MTR Kam Sheung Road ทางออก D และเดินต่ออีก 5 นาที
สถานีถัดไป เราขอนำเสนอให้ไปซื้อขนมปังบิสกิตสุดป๊อปปูล่าที่ Hang Heung Café Shop ร้านเค้กที่ก่อตั้งในปี 1920 เป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน
แล้วเจอกัน ซัมเมอร์นี้ ที่ฮ่องกง!
#เที่ยวฮ่องกง