อันยองฮาเซโยยยยยย ทักทายเป็นภาษาถิ่นขนาดนี้ คงพอจะเดาออกกันแล้วใช่มั้ยคะว่ารอบนี้ “ฮันนี่บี” จะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ไหนกัน ถูกต้องแล้วค่ะ เราจะพาไปเที่ยว ประเทศเกาหลีใต้กันค่ะ ทริปนี้เดินทางไปมา เมื่อวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2560 โดยผู้ร่วมเดินทางทริปนี้คือ คณะนักโสตสัมผัสวิทยา(Audiologist) จาก บริษัท มารุ่งโรจน์ จำกัด เริ่มเดินทางกันเลยยยยย
วันแรกของการเดินทาง ทริปนี้ของเราเดินทางด้วยไฟล์ท XJ700 สายการบิน Air AsiaX โดยขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมือง เมื่อผู้เดินทางมาถึงก็จัดการรับเอกสารผูกป้ายชื่อที่กระเป๋าเรียบร้อย เข้าแถวเช็คอินได้เลยค่ะ ไฟล์ทนี้เราบินกันตอน 2.50น. ไปถึงเกาหลีใต้ 10.05 น. มันก็จะเหนื่อยหน่อยๆ = =
วันที่สองของการเดินทาง
10.05 น. เดินทางถึงสนามบินอินชอบ ประเทศเกาหลีใต้โดยสวัสดิภาพค่ะ ถือว่าโชคดีมากช่วงเวลาที่เครื่องเราลงไม่มีไฟล์ทอื่น ทำให้แถวผ่าน ตม. คนไม่เยอะ ถึงเวลาที่ลุ้นและตื่นเต้นที่สุดของการมาเกาหลีใต้ นั้นคือการผ่าน ตม. ลุ้นทั้งผู้เดินทางเอง แต่บอกเลยคนพามาอย่างฮันนี่บีลุ้นกว่าค่ะ เพราะเราต้องทำเวลาเพื่อรีบเข้าไปประชุมกันในช่วงบ่าย แต่ในที่สุดคณะเราก็ผ่านฉลุยทั้ง 42 ท่านเลยค่ะ (เย้ๆๆ) ถือว่าใช้เวลาน้อยกันมากสำหรับคณะใหญ่ขนาดนี้ 11.30 น.เราเดินทางออกจากสนามบินอินชอนกันค่ะ
มื้อเที่ยงวันนี้ทางคณะ Rexton ผู้จัดการประชุมเป็นผู้เลี้ยงรับรองคณะ ณ โรงแรม Four Saeson Seoul
จากนั้นก็เข้าสู่ บรรยากาศการประชุมอย่างเต็มรูปแบบค่ะ
มื้อเย็นวันนี้ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกมื้อที่ทาง Rexton เป็นผู้เลี้ยงรับรองคณะค่ะ โดยมื้อนี้ทานกันที่ ภัตรคาร Top Cloud ชั้น 33 Jongno Tower ทานอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนไปชมวิวกรุงโซลยามค่ำคืนพร้อมจิบไวน์ ดีต้องใจจริง ๆ ค่ะ
หลังจากอิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินทางต่อสู่โรงแรมที่พัก ชื่อ Marigold Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ตั้งอยู่ย่าน Hongik University หรือที่เรียกกันว่าย่านฮงแด เป็นย่านใจกลางแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร ผับ บาร์ต่างๆของวัยรุ่นเกาหลีกันเลยทีเดียว และทริปนี้เราจะพักในโซลโรงแรมเดียวทั้ง 3 คืน ไม่มีย้ายโรงแรมให้เหนื่อยเลยค่ะ
วันที่สามของการเดินทาง หลังจากภารกิจการประชุมผ่านพ้นไปนับจากวันนี้เป็นต้นไปเข้าสู่การท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โปรแกรมวันนี้ของเราโปรแกรมแรก เราจะเดินทางออกนอกกรุงโซลไปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เพื่อไปสู่เมืองซูวอน
ที่แรกของวันนี้คือ…ป้อมฮวาซอง (Hwaseong Fortress) สร้างโดยพระเจ้าจองโจ พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 22 แห่งราชอาณาจักรโชซอน เพื่อใช้เป็นที่ประทับและเป็นที่ฝังพระศพขององค์ชายรัชทายาทจังฮอน และยังได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 21 เมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่เมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี
มื้อเที่ยงวันนี้ของเราเป็นเมนูที่มาถึงเกาหลีแล้วจะพลาดไม่ได้เลย นั้นก็คือ คาลบี้ ( Kalbi ) อาหารเกาหลีแบบปิ้งย่างที่มีชื่อเสียงของเกาหลี เป็นการนำเนื้อหมูมาหมักกับเครื่องปรุงจนเนื้อนุ่ม แล้วจึงนำไปย่าง พอใกล้สุกแล้วก็ต้องใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ทานกับเครื่องเคียงอร่อยยยยยมว๊ากกกก
หลังจากอิ่มท้องกันแล้วเรามาเข้าคอร์สเรียนทำกิมจิกันค่ะ ดูซิว่าฝีมือแต่ละคนจะพอจะพิชิตใจอปป้าเกาหลีกันได้มั้ย
ในโรงเรียนสอนทำกิมจิยังมีชุดฮันบก (ชุดแต่งกายประจำชาติของเกาหลี) สวย ๆ ให้ทุกท่านได้ใส่ พร้อมถ่ายรูปกับฉากเก๋ๆอีกด้วย แต่ละท่านก็จัดเต็มกันเต็มที่ บางคนเปลี่ยนไปถึง 3 ชุดเพื่อถ่ายรูปก็ยังมี ฮ่าๆๆๆ
ไม่พอค่ะ !! วันนี้เรายังเก็บภาพกันไม่พอ มาถึงเมืองยงอินแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ สวนสนุกระดับโลกอย่าง “เอเวอร์แลนด์” (Everland) ขึ้นชื่อว่าสวนสนุกแต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเด็ก ๆ หรือวัยรุ่นเท่านั้นถึงเที่ยวได้ วัยทำงานจนถึงวัยสว. ก็เข้าได้และไม่เบื่อด้วย อย่างคณะเรา มีความสุขและสนุกกับการถ่ายรูปกันมากๆ จุดไฮไลท์เลยก็คงจะหนีไม่พ้นสวนดอกกุหลาบค่ะ งานเทศกาล “Everland Rose Festival” จัดในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนของทุกปี
จากนั้นเรามุ่งหน้าเข้ากรุงโซล แวะร้านเวชศาสตร์เครื่องสําอาง ให้สาวๆได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากันนิดนึงผู้หญิงแบบเราห้ามหยุดสวยค่ะ ^^
อาหารค่ำมื้อนี้เป็น ไก่ตุ๋นโสม (ซัมเกทัง) โดยใช้ไก่ทั้งตัวยัดไส้ด้วยข้าวสวย พุทรา เกาลัด ตุ๋นในน้ำโสม นิยมกินเพื่อบำรุงสุขภาพ เพื่อความอร่อยมักโรยเกลือและใส่โซจูลงไปนิดหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
หลังมื้อเย็นก็นำท่านกลับสู่โรงแรม ท่านใดยังมีแรงอยู่ก็เดินออกมาช้อปปิ้งได้ตามอัธยาศัยเลยจ้า
วันที่สี่ของการเดินทางช่วงเช้าวันนี้เราใช้เวลาในการเลือกซื้อสมุนไพรบำรุงร่างกายไม่ว่าจะเป็นฮอกเกนามูหรือน้ำมันสน แข็งแรงกันทั้งคณะแล้วค่ะทีนี้ ^^
จากนั้นเราทานมื้อเที่ยงเติมพลังกันก่อน มื้อนี้ของเราเป็นเมนู ชาบู ชาบู เกาหลี (+น้ำจิ้มสุกี้แบบไทยๆ) ฮ่าๆๆ
นำท่านเข้าชม พระราชวังคยองบกกุง คำว่า “คยองบกกุง” ในภาษาเกาหลี แปลว่า “พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง (The Palace of Shining Blessings)” เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยราชวงศ์โชซอน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1937 และได้กลายเป็นพระราชวังหลวงหรือวังหลักสำหรับประทับว่าราชการของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ของเกาหลีมาโดยตลอด ในปัจจุบันมีตำหนักทั้งสิ้น 10 ตำหนัก
เริ่มแรกเราเข้าชมในส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านกันก่อนค่ะ
จากนั้นก็พาทุกท่านเดินชมบริเวณภายในพระราชวังทีละจุด
จากนั้นก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย คือช้อปปิ้งกันที่ เมียงดง (Myeongdong) แหล่งช้อปปิ้งอันดับ 1 ในเกาหลี ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักช้อปเลยก็ว่าได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เสื้อผ้าแฟชั่นทั้งหญิงและชาย รองเท้า กระเป๋าที่นี่มีครบครัน อีกทั้งที่เป็นไฮไลท์ของเมียงดงอีกอย่างก็คือ Street Food มีให้เลือกให้ลองชิมกันเยอะมากทั้งถูกและแพงปนๆกันไป
มื้อเย็นหลังจากนี้ถือว่าเป็นอีกนึงมื้อไฮไลท์เลยก็ว่าได้ค่ะ เราทานกันที่ ภัตตาคาร Under The Sea เป็นอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ รวมถึงขาปูยักษ์เกาหลี พิเศษสุดๆ เบียร์ไวน์ไม่อั้นเลยค่ะ พร้อมทั้งยังมีจัดเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิด ผู้ร่วมเดินทางของเราสองท่าน ที่มีวันเกิดในวันที่เราเดินทางท่องเที่ยวกันอยู่พอดี ประทับใจมีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะงานนี้
วันที่ห้าของการเดินทาง วันสุดท้ายแล้วหลายคนเริ่มบ่นคิดถึงบ้าน คิดถึงอาหารไทยแล้ว
วันนี้เราต้องเช็คเอ้าท์จากโรงแรมกันแล้ว จากนั้นเราแวะไปชมยาสมุนไพรขึ้นชื่อของเกาหลีกันค่ะ ที่ศูนย์โสมของรัฐบาลเกาหลี จากนั้นพ่าทานไปเลือกชมสินค้าทั้งแบรนด์เนมเกาหลีและของต่างประเทศกันที่ Donghwa Duty free กันคะ
อาหารกลางวันมื้อนี้เรากลับมาทานกันในย่านฮงแด บริการเป็น จิมดัก ไก่อบซีอิ๊วดำวุ้นเส้น เมนูพื้นเมืองดั้งเดิมของเมืองอันดง และรสชาติของจิมดัก ก็เป็นที่ถูกปาก ถูกลิ้นคนไทยเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ คอนเฟิร์มอร่อยมากจริงๆค่ะ
หลังจากเติมพลังแล้วเราก็ลงมาจากร้านอาหาร ชั้นใต้ดินจะเป็น Trick Eye Museum พิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ/Ice Museum พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง/Love museum พิพิธภัณฑ์รัก(อายุไม่ถึง 19 ห้ามเข้านะคะ อิอิ) ถ่ายรูปน่ารักๆกันที่ Trick Eye Museum
สัมผัสอากาศเย็นติดลบกันที่ Ice Museum
ในส่วนของ Love Museum นั้นก็จะเป็นแบบในรูปคะ มองให้เป็นเรื่องขำๆเนาะ เราไม่ได้ลามกนะ 55555
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อสู่ Seoul Tower โปรแกรมท่องเที่ยว โปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้กันแล้วก่อนที่เราจะเข้าสู่สนามบินอินชอนกัน
โซลทาวเวอร์ (Seoul Tower) หรือ หอคอยเอ็นโซล ( N Seoul Tower) หรือ “นัมซันทาวเวอร์” ( Namsan Tower ) ตั้งอยู่บนภูเขานัมซาน เป็นจุดท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของกรุงโซล เพราะเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั่วทั้งกรุงโซล มีความสูงจากฐานหอคอยประมาณ 236.7 เมตร และมีความสูง 479 เมตรจากพื้นดิน คนที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนมากจะเป็นคู่รัก ทั้งชาวเกาหลีและนักท่องเที่ยวต่างชาติ คู่รักส่วนมากจะเตรียมกุญแจมาคล้องตรงรั้วข้างบนโซลทาวเวอร์ เพราะมีความเชื่อว่าคู่รักที่ได้มาคล้องกุญแจที่นี่จะรักกันยาวนานตลอดไป (สมัยแรกๆ นิยมใช้ลูกกุญแจกเล็กๆ เขียนข้อความสัญญารัก และชื่อของคู่รักลงไปในกุญแจ รถบัสของเราจะไปจอดได้ตรงจุดลงรถแล้วทุกท่านก็ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง(จริงๆก็ไม่นิดนะ)ค่ะ จะถึงจุดที่คล้องกุญแจ และจุดขึ้นลิฟท์เพื่อไปชมวิวด้านบนกันค่ะ
สิ้นสุดโปรแกรมท่องเที่ยวของเรากันแล้วจากนั้นเราก็ไปแวะทานอาหารค่ำกันก่อนเดินทางเข้าสู่สนามบินอินขอนใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
ไฟล์ทขากลับวันนี้ของเราคือ XJ709 ออกเดินทางกัน 01.05 น.(ของวันที่31พ.ค.) เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง 04.55 น.ไฟล์ทนี้อาจจะเหนื่อยกันสักนิดเพราะบินดึก แต่ว่าเที่ยวได้คุ้มมากทั้งวันเต็มๆเลยค่ะ
จบไปแล้วการเดินทางตลอด 5 วัน 3 คืน ในประเทศเกาหลีใต้ ของฮันนี่บี ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านทีร่วมเดินทางกับเราครั้งนะคะ ภาพรอยยิ้ม ภาพความประทับใจของทุกคน คือความสุขของเราเลยก็ว่าได้ เหมือนเติมพลังใจในการทำงาน ^^
ทริปหน้า ฮันนี่บี จะไปเที่ยวที่ไหนกันอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ ฮริ้งง งง ง
HonieB….