logo
image

icon-travel-2 เที่ยวพม่า ย่างกุ้ง 3 วัน 2 คืน สายการบินไทยแอร์เอเชีย

เที่ยวพม่า ย่างกุ้ง 3 วัน 2 คืน สายการบินไทยแอร์เอเชีย

พฤศจิกายน 28, 2018
แชร์ :

สวัสดีค่ะ วันนี้มีทริปดีดีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ นำทีมโดย..ไกด์ก้อย รอพบทุกท่าน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เคาน์เตอร์สายการบินไทยแอร์เอเชีย เวลา 07.15 น. ออกเดินทางสู่ย่างกุ้ง โดยเที่ยวบินที่ FD 251 เวลา 08.00 น. ก็ถึง สนามบินมิงกาลาดง (เวลาของพม่า จะช้ากว่าประเทศไทยครึ่งชั่วโมง)

ขึ้นรถบัสเราก็เจอไกด์ท้องถิ่น กล่าวทักทาย ด้วยคำว่า มิงกาละบา แปลว่าสวัสดีเป็นภาษาพม่า

ได้เวลาเราออกไปค้นหาว่าประเทศนี้มีดีอย่างไร ออกจากย่างกุ้งมุ่งหน้าสู่ เมืองหงสาวดี ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบๆสองชั่วโมง ในอดีตหงสาวดีเคยเจริญรุ่งเรืองในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง เป็นเมืองของชาวมอญ ซึ่งจะเรียกว่า เมืองพะโค (Bago) นำท่านเข้าชมพระธาตุที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่า

เจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา (อยู่หงสาวดี) นอกจากนี้อีกมี เจดีย์ชเวดากอง (อยู่ย่างกุ้ง) เจดีย์ชเวสิกอง (อยู่พุกาม) พระธาตุอินแขวน (ไจ้ทิโย) พระมหามุนี (อยู่มัณฑะเลย์) ทริปนี้เราจะได้สักการะถึง 3 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่ากันค่ะ ซึงก่อนเข้าวัดทุกครั้งจะต้องถอดรองเท้า ถุงเท้าเพื่อเป็นการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ถึงแม้วันนี้จะอากาศร้อนหน่อย แต่ด้วยแรงศรัทธาของทุกท่านเราก็สู้กันค่ะ

พระธาตุมุเตาภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า นำท่านนมัสการยอดเจดีย์หักซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก จุดอธิษฐานอันศักดิ์สิทธิ์นี้ เราสามารถนำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเปรียบเหมือนดั่งค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปค่ะ

หลังจากนั้นนำท่านตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูป ที่วัดไจ้คะวาย สถานที่ที่มีพระภิกษุและสามเณรไป ศึกษาพระไตรปิฎก เป็นจำนวนมาก เที่ยงแล้วหิวแล้วมาทานกุ้งแม่น้ำย่างตัวโตๆ ที่ Kyaw Swa Restaurant อิ่มอร่อยถูกปากคนไทยค่ะ

เดินทางต่อ เจดีย์ไจ้ปุ่น สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร มีตำนานว่าสร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ เชื่อกันว่าหากคนใดคนหนึ่งแต่งงาน พระพุทธรูปก็จะพังลงมา ออกมาจากวัดเราก็แวะร้านขายไม้ทานาคาเป็นต้นกำเนิดแป้งของพม่า คณะเราเลยขอลองกันหน่อยกลายเป็นสาวพม่ากันเลย…

หลังจากนั้นเราออกจาก เมืองหงสา มุ่งหน้าสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญ ระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านชม แม่น้ำสะโตง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สมเด็จพระนเรศวรรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบยิงถูกแม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่า เห็นขวัญเสียจึงถอยทัพกลับกรุงหงสาวดี เดินทางต่อไปยัง พระธาตุอินทร์แขวน เพื่อทำการเปลี่ยนเป็นรถท้องถิ่น เป็นรถบรรทุกหกล้อใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

คืนแรกเรานอนที่นี้ Kyaikhto Hotel คณะเราเก็บกระเป๋าสัมภาระ ทำภารกิจส่วนตัวก่อนออกไป พระธาตุอินทร์แขวน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ ซึ่งเดินไปจากที่พักประมาณ 5-10 นาที พม่าจะเรียกเจดีย์ไจ้ทีโย แปลว่า ก้อนหินทอง อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหินกลมๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่แต่ชาวพม่ามักยืนกรานว่าไม่มีทางตก เพราะพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์องค์ย่อมทำให้หินก้อนนี้ทรงตัวอยู่ได้อย่างสมดุล ชาวพม่าเชื่อว่าถ้ามาถึง 3 ครั้ง ชีวิตจะมีแต่ความรุ่งโรจน์

(เลยเอาภาพตอนที่พระอาทิตย์กำลังตกดินมาฝากกันค่ะ)

วันที่สองของทริปนี้ค่ะ วันนี้ก้อยได้นัดลูกทัวร์ทุกท่านมาใส่บาตรกันที่หน้าที่พัก ตอนตีห้าครึ่ง และขึ้นไปไหว้พระธาตุอินแขวนก่อนกลับกันอีกครั้ง ทริปนี้มีหลายท่านที่ขึ้นถึง 3 ครั้ง ว้าว ! สาธุ จากนั้นเราก็ทานอาหารเช้าและลงมาไปเก็บที่เที่ยวหงสาวดีที่ พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็นผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของ พระนางสุพรรณกัลยา และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้สร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่

ออกเดินทางกันต่อ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญในปี พ.ศ.2524 องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าพระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจีที่ย่างกุ้งก็ตาม

ได้เวลาเราก็ออกเดินทางไปทานกุ้งแม่น้ำย่างกันที่ร้านเดิมที่ Kyaw Swa Restaurant แต่เราสั่งเมนูใหม่ให้ท่าน อร่อยค่ะเลยต้องกลับทานอีก จากนั้นเรามุ่งหน้าออกจากเมืองหงสา เพื่อมุ่งหน้าสู่ ย่างกุ้ง ตลาดสก๊อต เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่าสินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด เช่น เครื่องเงิน งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก พลอย ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา เป็นต้น

เดินทางกันต่อที่ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีมะเมีย พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยกว่าปี ท่านสามารถนำดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้เพื่อขอพรจากองค์เจดีย์ชเวดากอง ณ ลานอธิษฐานเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคล นอกจากนี้รอบองค์เจดีย์ยังมีพระประจำวันเกิดประดิษฐานทั้งแปดทิศรวม 8 องค์ หากใครเกิดวันไหนก็ให้ไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดตนจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

ค่ำ คณะเราก็ออกไปรับประทานอาหารกันที่ ภัตตาคารเรือการะเวก พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์ของพม่า

อิ่มอร่อยกับอาหารเย็นพร้อมชมโชว์อย่างจุใจ เดินทางกลับพักผ่อนที่โรงแรม YUZANA HOTEL พักผ่อนตามอัธยาศัย พร้อมเอาวิวเจดีย์ชเวดากองสวยๆ จากระเบียงห้องมาฝากกันก่อนนอนค่ะ ….ราตรีสวัสดิ์

วันที่สามวันสุดท้ายของทริปแล้วค่ะ เติมพลังกันเรียบร้อยก่อนออกจากโรงแรม มุ่งหน้าขอพร ขอโชค ขอลาภกันก่อนกลับบ้านค่ะนำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีความพระที่มีความสวยที่สุดมีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ และพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย

แล้วมาต่อที่ เจดีย์โปตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทอง เงิน สำริด 700 องค์ และจารึกดินเผาภาษาบาลี และตัวหนังสือพราหมณ์อินเดียทางใต้ ต้นแบบภาษาพม่า ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม นำท่านขอพร พระเทพทันใจ เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของชาวพม่าและชาวไทย ขออะไรก็ได้ทันใจค่ะ … โอมเพี้ยง

จากนั้นนำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะ เทพกระซิบ ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ซึ่งการขอพรเทพกระซิบต้องไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ยิน ชาวพม่านิยมขอพรจากเทพองค์นี้กันมากเช่นกัน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้ กระซิบขออะไรกันบ้างเนอะ … อิอิ

อิ่มแล้วไปทำบุญส่งท้ายกันต่อที่ วัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง ที่ได้มาจากอาณาจักรน่านเจ้า ที่เคยนำมาประดิษฐานที่พุทธมณฑล ออกเดินทางต่อ วัดบารมี ให้สักการะพระเกศาของพระพุทธเจ้า ที่เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่จริง ด้วยองค์พระเกศาธาตุนี้เมื่อนำมาวางบนมือ จะสามารถเคลื่อนไหวได้อีกทั้งวัดนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นที่เก็บองค์พระบรมสารีริกธาตุไว้มากที่สุดด้วยไม่ว่าจะเป็นของพระโมคาลา พระสารีบุตร และองค์พระอรหันต์ต่าง ๆ

ก่อนกลับเวลาเหลือ เราก็ไปจัดไปช้อปปิ้งกันที่ซุปเปอร์เก็ตกันต่อ สินค้ามากมายค่ะ ช้อปปิ้งกันสุดๆ หลังจากนี้เราก็นำทุกท่านเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ เที่ยวบิน FD 254 ถึง สนามบินดอนเมือง เวลา 19.35 น.

นอกจากจะได้บุญแล้ว หวังว่าทุกท่านคงจะมีความสุข เพราะรอยยิ้มขอท่านคือความสุขของเราค่ะ …

ไกด์ก้อย

ทัวร์พม่า


บทความที่เกี่ยวข้อง