พร้อมแล้ว!! ไปสัมผัสอุณหภูมิติดลบกันเลย…..
“โอตารุ” เมืองเล็กๆ ที่แฝงไปด้วยความน่ารักและโรแมนติก มองไปรอบๆที่ทุกอย่างแทบจะถูกกลืนไปด้วยสีขาวของหิมะ ตึกสองฝั่งเลียบคลอง ที่เมื่อก่อนเป็นโกดังขนถ่ายสินค้า ตอนนี้กลายเป็นร้านอาหาร พลาซ่าร้านช็อปปิ้งไปเรียบร้อย สะพานอาซาคุสะ (Asakusa Bridge) ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต จากนั้นเราสามารถเดินเลียบคลองไปยัง สะพานจูโอ (Chuo Bridge) ตรงสะพานนี้เราสามารถล่องเรือชมคลองโอตารุได้ ใช้เวลาล่องเรือประมาณ 40 นาที ราคา 1,500 เยน แต่ถ้าเราไม่ล่องเรือแล้วมาเดินเล่น ถ่ายรูปแถวคลองโอตารุเฉยๆ 30 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
ความหนาวเย็นในเวลานี้ก็ไม่สู้ความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า บรรยากาศที่ถ่ายทอดผ่านสายตา ไปสู่เลนส์กล้องส่งต่อไปถึงทุกคน จนอดคิดในใจเล่นๆไม่ได้ว่าถ้าเรากระโดดลงไปที่กองหิมะนุ่มๆนั่นสักครั้งมันจะนิ่มสมคำล่ำลือจริงไหม
วันนี้เราเข้าใจแล้วว่าการเอาชนะใจตัวเองมันคุ้มค่า เมื่อได้ฝ่าหิมะหนาๆมาเจอกับความน่ารักน่าเอนดูของเจ้าเพนกวินพวกนี้ ที่สวนสัตว์ Asahiyama ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 820 เยน ใครมาช่วงปีใหม่เช็ควันปิดให้ดีๆนะคะ เพราะว่าเค้าจะปิดก่อนวันที่ 31 ธันวาคม วันที่เราไปเป็นวันก่อนวันสุดท้ายของปี คนเลยค่อนข้างเยอะเลย
ตารางการเดินพาเหรดเพนกวินจะมี 2 รอบ 11.00 น. กับ 14.30
ในเวลานี้จะมีอะไรวิเศษไปกว่าการเดินที่เหมือนลอยอยู่บนก้อนเมฆนุ่มๆ ทำให้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากนัก บวกกับอากาศที่หนาวเย็น ยิ่งทำให้เราอยากเร่งฝีเท้าและขยับร่างกายอยู่บ่อยๆ แถมบรรยากาศสองข้างที่ช่วยความเพลิดเพลินเพิ่มขึ้นไปอีก
Hill of the Buddha
ความสวยงานอลังการ ที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้เนินเขาลูกใหญ่สีขาว ปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น ที่นี่ พระใหญ่ Atama daibutsu ที่ตั้งอยู่ในเนินเขา และ Moaiอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซัปโปโร ถูกออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลกอย่าง Tadao Ando มันคุ้มมากแถมเข้าชมแบบฟินๆเลย เวลาเยี่ยมชม เมษายน-ตุลาคม 9.00น.-16.00น. พฤศจิกายน-มีนาคม 10.00น.-15.00น. หยุดช่วงปีใหม่ และวันซ่อมบำรุง ค่าเข้าชม 300 เยน
รูปปั้นจำลองของ Moai (โมไอ) ยืนเรียงรายกันหลายสิบตัวเหมือนกองทัพที่คอยพิทักษ์ ขุนเขาสีขาวแห่งนี้ รวมถึง Stonehenge จะอยู่บริเวณด้านข้างของ Hill of the Buddhaสามารถถ่ายรูปคู่ได้เลยค่ะ อันนี้ไม่เสียค่าเข้าชม
เทศกาลหิมะ ที่เมืองซัปโปโร
จะถูกจัดขึ้นในทุกๆ ปี ผู้คนจำนวนไม่น้อยจะพากันไปดูปฏิมากรรมน้ำแข็งและแสงสีที่จัดอย่างสวยงาม พร้อมทั้งร่วมเฉลิมฉลองฤดูหนาวไปด้วยกัน ซึ่งนั่นทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เป็นเวลากลางคืนที่ไร้ซึ่งความมืดมิด แต่กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน ทำให้รู้สึกอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นที่สัมผัสอยู่ขณะนี้ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลดีๆที่ว่า..ทำไมเราต้องมาเยือนที่ “ฮอกไกโด” ด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต