ในโลกของภูเขาไฟนับพันแห่ง มีเพียงไม่กี่แห่งที่มีลักษณะเฉพาะตัวและน่าทึ่งเท่ากับ ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน (Kawah Ijen) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ภูเขาไฟแห่งนี้มีชื่อเสียงระดับโลกจากปรากฏการณ์ “เปลวไฟสีน้ำเงิน” (Blue Fire) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หายาก รวมถึงทะเลสาบกรดที่มีสีฟ้าครามงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของจริง
ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยนเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาอีเจี้ยน (Ijen Volcano Complex) ตั้งอยู่ในเขต Banyuwangi และ Bondowoso ของจังหวัดชวาตะวันออก มีความสูงประมาณ 2,799 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภูเขาไฟแห่งนี้ยังคงมีพลังอยู่และมีการปล่อยก๊าซกำมะถันเป็นประจำ
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกคือ “เปลวไฟสีน้ำเงิน” ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของก๊าซกำมะถันที่อุณหภูมิสูงและมีความเข้มข้นมากพอ เปลวไฟจะมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ให้แสงสีน้ำเงินอมม่วงที่สวยงามราวภาพฝัน ปรากฏการณ์นี้สามารถพบได้ในไม่กี่แห่งบนโลก และคาวาอีเจี้ยนถือเป็นจุดที่สามารถชมได้อย่างใกล้ชิดที่สุด
ในปากปล่องภูเขาไฟมีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีค่า pH ต่ำมากจนจัดว่าเป็นทะเลสาบกรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำในทะเลสาบมีสีฟ้าอมเขียวตัดกับภูเขาหินรอบข้าง เป็นทัศนียภาพที่สวยงามแต่น่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม น้ำในทะเลสาบนี้มีความเป็นกรดสูงมาก จึงไม่สามารถสัมผัสหรือใช้ดื่มได้
ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยนยังเป็นแหล่งเหมืองกำมะถันที่มีคนงานขุดแร่โดยใช้แรงงานคนมานานหลายสิบปี คนงานจะแบกหินกำมะถันหนักกว่า 70 กิโลกรัมลงจากภูเขา เพื่อแลกกับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อย ภาพชีวิตของคนงานเหล่านี้สร้างความประทับใจและสะท้อนถึงความอดทนของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังคาวาอีเจี้ยนจากเมือง Banyuwangi หรือ Bondowoso โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1–2 ชั่วโมง จากนั้นต้องปีนเขาเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรเพื่อไปถึงปากปล่อง ซึ่งนิยมเริ่มปีนกันตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนเพื่อให้ทันชมเปลวไฟสีน้ำเงินก่อนพระอาทิตย์ขึ้น