logo
image

icon-travel-2 12 สถานที่ท่องเที่ยว จอร์เจีย ไม่ควรพลาด

12 สถานที่ท่องเที่ยว จอร์เจีย ไม่ควรพลาด

กุมภาพันธ์ 25, 2020
แชร์ :

12 สถานที่ท่องเที่ยว จอร์เจีย ไม่ควรพลาด

จอร์เจีย จุดนัดพบเสน่ห์สองทวีป

หนีร้อน ตะลอนต่างแดน

แม้ประเทศ จอร์เจีย จะตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย แต่ก็มีวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่สวยงามเหมือนทางฝั่งยุโรป ด้วยความที่ตั้งอยู่บนจุดตัดระหว่างสองทวีปนี้เอง จึงทำให้อดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตแห่งนี้เป็นจุดนัดพบสำคัญที่ผสมผสานความงดงามและเอกลักษณ์ได้อย่างลงตัว

ในช่วงนี้ที่เมืองไทยอากาศร้อน แต่ที่จอร์เจียกลับมีสภาพอากาศเย็น ไม่หนาวมาก เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปกติแล้ว สภาพภูมิอากาศที่นั่นจะแบ่งเป็นโซนตะวันตกและตะวันออก โดยฝั่งตะวันออกจะอบอุ่นน้อยกว่าตะวันตกเนื่องจากอยู่ห่างจากทะเลดำมากกว่า อย่างไรก็ตาม คุณสามารถไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศแต่ละเดือนมีลักษณะใกล้เคียงกัน

เดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงทบิลิซีของจอร์เจีย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง

12 สถานที่ท่องเที่ยว จอร์เจีย ไม่ควรพลาด

1. ย่านเมืองเก่า

เสน่ห์ของทบิลิซีที่สำคัญคือการรักษาเอกลักษณ์ของเมืองเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 5 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน สังเกตได้จากตัวอาคารที่ทาสีพาสเทล หลังคาโทนสีส้มสดใสคล้ายๆกับสิ่งก่อสร้างในฝั่งยุโรป มีแม่น้ำมิกวาริ (Mtkvari) ไหลผ่ากลางเมือง

ย่านเมืองเก่า จอร์เจีย
ย่านเมืองเก่า

2. โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church)

โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church) โบสถ์เก่าแก่คู่เมืองทบิลิซีริมหน้าผาของแม่น้ำมิกวารี สร้างขึ้นในปี 1278 เคยเป็นคุก คลังแสง ที่สวดภาวนา ศาสนสถาน และถูกทำลายพร้อมกับสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง

โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church)
โบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church)

3. โบสถ์เซนต์ทรีนิตี้ (Holy trinity Cathedral)

วิหารศักดิ์สิทธิ์ของกรุงทบิลิซีที่เรียกกันว่าซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1995 และเป็นวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

มหาวิหารซาเมบา (Sameba Cathedral)
มหาวิหารซาเมบา (Sameba Cathedral)

4. สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace)

ตัวโครงสร้างสะพานได้รับการออกแบบและสร้างที่ประเทศอิตาลี แล้วนำส่วนประกอบเข้ามาติดตั้งในเมืองทบิลิซี ทอดข้ามเหนือแม่น้ำมิกวาริ สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง ตอนกลางคืนก็มีการแสดงแสงสีจากไฟ LED ให้ชมด้วย

สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace)
สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace)

5. รูปปั้น Mother of Georgia

อยู่บนยอดเขาทบิลิซี เป็นอนุสาวรีย์สัญลักษณ์ประจำเมืองที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งกรุงครบ 1,500 ปี ลักษณะรูปปั้นล้วนสะท้อนจิตวิญญาณและนิสัยของชาวจอร์เจียได้เป็นอย่างดี

Mother of Georgia
Mother of Georgia

6. ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress)

ป้อมโบราณสร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ในรูปแบบที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน และต่อมาได้มีการต่อเติมขยายออกไปอีกในหลายช่วงสมัย จนกระทั่งบางส่วนได้พังลงมาเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ

ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress)
ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress)

7. ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress)

ป้อมปราการสร้างในสมัยศตวรรษที่ 16-17 มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ห่างจากกรุงทบิลิซีราว 40 กิโลเมตร ภายในยังเป็นที่ตั้งโบสถ์สองหลังสวยงามและมีหอคอยสูงใหญ่ คนที่เดินขึ้นไปจะมองเห็นทิวทัศน์งดงามของอาคารหมู่บ้านเบื้องล่างและอ่างเก็บน้ำซินวาลีได้ชัดเจน

ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress)
ป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress)

8. โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)

เมืองคาซเบกี้ (Kazbeki) เมืองเล็กๆริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ที่มีความยาวประมาณ 157 กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 1,740 เมตร ที่นี่คุณต้องนั่งรถโฟร์วีลเพื่อเดินทางขึ้นไปชมโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) เป็นโบสถ์หินแกรนิตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำชคเฮรีกลางหุบเขาคอเคซัส ตัวโบสถ์โดดเด่นด้วยด้านหน้าของตัวอาคารที่ใช้อิฐบล็อกขนาดใหญ่ ช่องประตูและหน้าต่างโค้งได้สัดส่วนสวยงาม ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจียโบราณด้วย

โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)
โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church)

9. วิหารจวารี (Jvari Monastery)

วิหารจวารี (Jvari Monastery) โบสถ์แห่งไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 6 ตั้งอยู่ที่เมืองมิชเคทา (Mtskheta) เมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย เป็นจุดตัดของแม่น้ำอักราวิและแม่น้ำมิกวาริ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994

วิหารจวารี (Jvari Monastery)
วิหารจวารี (Jvari Monastery)

10. วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral)

วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) หรือเสาที่มีชีวิต สร้างราวศตวรรษที่ 11 ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ภายในมีภาพเขียนสีเฟรสโก้ประดับงดงาม อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ จนกลายเป็นศาสนาประจำชาติในที่สุด

วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral)
วิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral)

11. วิหารบอดบี (Bodbe Monastery)

วิหารบอดบี (Bodbe Monastery) ซึ่งเป็นวิหารของชาวจอร์เจียนที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 และมีการต่อเติมขึ้นมาอีกครั้ง วิหารบอดบี (Bodbe Monastery) ตั้งอยู่ที่เมืองซิกนาลี (Sighnaghi) เมืองเล็กๆบนภูเขาที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาคอเคซัส ได้รับสมญานามว่าเป็นทัสคันแห่งจอร์เจีย เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมยุคกลางแบบเก่าภายในตัวเมืองไว้ได้ดีเยี่ยม ปัจจุบันมีคริสตศาสนิกชนเดินทางมาแสวงบุญกันที่นี่อยู่ตลอด

วิหารบอดบี (Bodbe Monastery)
วิหารบอดบี (Bodbe Monastery)

12. Rabati Castle

แนวป้อมปราการและปราสาทของเมือง Akhaltsikhe ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจอร์เจีย สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 เคยใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายพระองค์หนึ่งและครอบครัว หลังถูกปกครองโดยอาณาจักรออตโตมันและรัสเซียในช่วงศตวรรษที่ 16 สถานที่แห่งนี้ก็ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม ก่อนจะได้รับการบูรณะใหม่ในปี 2012 ภายในประกอบด้วยโบสถ์ มัสยิด และศาสนสถานของยิวที่มีความหลากหลายทางศิลปะผสมกัน

Rabati Castle
Rabati Castle

 

ทัวร์จอร์เจีย

เกี่ยวกับจอร์เจีย


บทความที่เกี่ยวข้อง