logo
image

icon-travel-2 เที่ยวพม่า ย่างกุ้ง หงสา พระธาตุอินทร์แขวน 7-10 ธันวาคม 2556

เที่ยวพม่า ย่างกุ้ง หงสา พระธาตุอินทร์แขวน 7-10 ธันวาคม 2556

พฤศจิกายน 28, 2018
แชร์ :

 “มิงกะลาบา”… สวัสดีครับทุกๆท่าน ขอทักทายด้วยภาษาพม่าล่ะกันเนอะ ^^…..ตามคำโบราณท่านว่า “ เข้าเมืองตาหลิ่ว เราต้องหลิ่วตาตาม ” หุหุ ทริปนี้จะเป็นอย่างไร สนุก มันส์ ฮา ขนาดไหนนั้นไปติดตามกันได้เลยคร้าบบบบ….

วันแรกของการเดินทาง

วันนี้ทางเราได้นัดท่านสมาชิกผู้ร่วมเดินทางที่ ประตู 7 เค้าเตอร์ N เวลา 17.00 น. โดย สายการบิน Myanmar Airways เที่ยวบินที่ 8M332 หลังจาก เช็คอิน โหลดกระเป๋า ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จแล้ว ก็ได้เข้าไปรอเวลาเหินฟ้า สู่พม่า ที่ GATE F2 เวลาประมาณทุ่มครึ่ง เครื่องก็เหินฟ้าสู่เองยางกุ้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษก็ถึงสนามบินมิงกาลาดง เมืองย่างกุ้ง หลังจากที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเสร็จ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นมารอรับที่สนามบิน หลังจากที่ทักทายกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เราก็ขึ้นรถโค้ช เป็นรถ size 35 ที่นั่ง สบายล่ะทีนี้ 555 หลังจากนั้น เราก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ภัตตาคาร WESTERN PARK I LOBSTER & ROASTED DUCK เป็น set menu มันเลิศมากเลยขอบอก หุหุ

อาหารเย็นมื้อแรกคร้าบบบ….จัดเต็มจัดหนักเลยทีเดียวเชียว

เมื่อหนังท้องเริ่มอิ่ม หนังตาก็หย่อนไปตามๆกัน หลังจากนั้น เราก็เข้าพักที่ Orchid Hotel พอเช็คอินได้กุญแจห้องพักเรียบร้อยแล้ว นัดเวลาท่านสมาชิก พรุ่งนี้เช้า 6-7-8 อิอิ ราตรีสวัสดิ์ทุกท่านคร้าบบบ

วันที่สองของการเดินทาง

อรุณสวัสดิ์คร้าบบ… เมื่อคืนหลับกันสบายเลยเชียว เตียงนอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆ อ๋อยฟินเว่อร์555 เชิญรับประทานอาหารเช้าเติมพลังกันได้เลยครับ ที่ห้องอาหารของโรงแรม ห้องอาหารที่นี่เขาจะเปิดเวลา 7.00 น. หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็ออกเดินทางเลยครับ

สถานที่แรกของวันนี้คือ นำท่านสมาชิกกราบนมัสการ เจดีย์ไจ้ปุ่น ซึ่งจะถึงก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองหงสาวดี พระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสร้างขึ้นในปี 1467 พระเจดีย์กก่อเป็นแกนทึบรูปทรงสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง มีพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตรประดิษฐานอยู่สี่ทิศ แทนองค์สมเด็จพระสมณโคดม (หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ) กับพระอดีตพุทธเจ้าอีกสามองค์ อันได้แก่ พระโกนาคมน์ (หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้) พระกกุสันธะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก) พระกัสสปะ (หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก) ซึ่งพระพุทธรูปกัสสปะนั้นชำรุดผุพังมาก เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวในปี 1930 และได้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ.2019 มีตำนานว่า เจดีย์ไจ้ปุ่น สร้างโดยสี่สาวพี่น้องที่อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนาสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และสาบานตนไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ เชื่อกันว่าหากคนใดคนหนึ่งแต่งงาน พระพุทธรูปก็จะพังลงมา

หลังจากนมัสการ เจดีย์ไจ้ปุ่น เสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางสู่สถานที่ต่อไป คือนำท่านสมาชิกนมัสการ เจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) เป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจกลางเมืองหงสาวดี ซึ่งได้บูรณะขึ้นโดยพระเจ้าบุเรงนอง (พระเจ้าบะยิ่นเนาน์) เพื่อบรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า เพื่อเสริมบารมี อันถือว่าเป็นพระเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า มีตำนานอยู่ว่า เมื่อนายวานิชพี่น้องนามว่ามหาศาลกับจุลศาล เดินทางกลับมาจากอินเดีย ทั้งสองได้อันเชิญพระเกศธาตุของพระพุทธองค์มาด้วยสองเส้น เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิดจึงได้สร้างสถูปเล็ก ๆ ครอบพระเกศธาตุเอาไว้ ในศตวรรษที่ 16 พระเจ้าปะหยิ่นหน่าวโปรด ฯ ให้แกะเอามณีบนยอดพระมหามงกุฏไปทำฉัตรยอดถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมา พระเจ้าโบ่ต่อพญาทรงสร้างฉัตรองค์ใหม่ถวายและเสริมยอดขึ้นไปสูงถึง 90 เมตร ในศตวรรษที่ 20 ได้เกิดภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวถึงสามครั้ง ครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1930 เกิดความเสียหายอย่างมาก จนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่จากแรงกายและกำลังทรัพย์ของผู้มีจิตศรัทธาจนถึงปัจจุบันพระเจดีย์สูงถึง 114 เมตร ถ้าเดินรอบ ๆองค์เจดีย์ท่านจะได้เห็นซากเจดีย์องค์เดิมที่พังทลายลงมาเมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และฉัตรยอดเจดีย์

ได้เวลาสมควร นำท่านสมาชิกชม พระราชวังบุเรงนอง หากพูดถึงกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งของเมืองหงสาวดีก็ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดโดดเด่นเท่า พระเจ้าบุเรงนอง หงสาวดีเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในรัชสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง โดยพระองค์ได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ชื่อ กัมโพชธานี เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ ซึ่งนับเป็นพระราชวังใหญ่โตมีประตูทางเข้าออกถึง 10 ประตู สร้างโดยเกณฑ์ข้าทาสจากเมืองขึ้นต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นมีเมืองเชียงใหม่และอยุธยารวมอยู่ด้วย จนถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรงที่ เสด็จหนีพระนเรศวรไปเมืองตองอู และพวกยะไข่เผาทำลายหงสาวดีทรงทิ้งให้พระราชวังแห่งนี้รกร้างลงเป็นเวลาร่วม 3 ศตวรรษ ซึ่งพระราชวังเดิมนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันในคราวนั้น หลังจากนั้นไม่นาน เมืองอังวะก็กลายมาเป็นเมืองหลวงของประเทศพม่าโดยสมบูรณ์ก่อนที่พม่าทั้งประเทศจะเสียเอกราชให้ประเทศอังกฤษต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ใต้ดิน รัฐบาลพม่าจึงได้ทำการขุดค้นและสร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้างแล้วเสร็จไป แต่ยังคงมีอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้าง

หลังจากที่เที่ยวชมสถานที่ต่างๆแล้วได้เวลารับประทานอาหารเที่ยง อาหารเที่ยงของวันนี้เราไปทานกันที่ภัตตาคาร 555 (Bago) River Prawn หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ ได้เวลาสมควรก็เดินทางกันต่อ จากนี้เราจะเดินทางขึ้นสู่พระธาตุอินทร์แขวนโดยจะเปลี่ยนรถที่คิมปูนแค้มป์ ลุยกันโลดนำท่านออกเดินทางสู่ คิมปูนแค้มป์ (เชิงเขาไจ้เที่ยว) ระหว่างทางผ่าน สะพานแม่น้ำสะโตง ในอดีตขณะที่ สมเด็จพระนเรศวรกำลังรวบรวมคนไทยกลับอโยธยา ได้ถูกทหารพม่าไล่ตาม พม่าตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ในขณะ ที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว พระองค์ได้คอยป้องกันมิให้ข้าศึกข้ามตามมาได้ ได้มีการปะทะกันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบ ยิงแม่ทัพหน้าพม่าเสียชีวิตบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นขวัญเสีย จึงถอยทัพ กลับกรุงหงสาวดี พระแสงปืนที่ใช้ยิงแม่ทัพพม่าตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า “พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง” นับเป็นพระแสง อัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง คิมปูนแค้มป์ หยุดพักเปลี่ยนรถ เป็นรถบรรทุกหกล้อ เพื่อขึ้นบนภูเขาไจ้เที่ยว (ใช้เวลาเดินทางจากบริเวณนี้ประมาณ 1.5 ชั่วโมง) ท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพป่าเขาน้ำตกและลำธารอันสวยงามสองข้างทาง พร้อมสัมผัสอากาศเย็นซึ่งจะค่อยๆ เย็นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเรากำลังเดินทางสู่ที่สูง

หลังจากเก็บสัมภาระกันเป็นที่เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมก่อนที่จะขึ้นนมัสการองค์พระธาตุอินทร์แขวน

ท่านสมาชิกกำลังปิดทองที่องค์พระธาตุ

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จนำท่านสมาชิกขึ้นนมัสการ องค์พระธาตุอินทร์แขวน พระธาตุอินทร์แขวนนี้นับเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า พระเจดีย์ไจ้ทีโย (พระธาตุอินทร์แขวน) อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และเป็นที่มาและแรงบันดาลใจของกวีซีไรส์ ปี พุทธศักราช 2534 มาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรมเรื่อง “เจ้าจันทร์ผมหอม นิราศพระธาตุอินทร์แขวน ท่านจะได้สัมผัสกลิ่นอายพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงและบรรยากาศธรรมชาติที่สดชื่นและบริสุทธิ์ทั่วบริเวณอันกว้างขวางของลานพระธาตุอินทร์แขวนซึ่งให้ท่านได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติและนมัสการขอพรจากพระธาตุอินทร์แขวนอันศักดิ์สิทธิ์

หลังจากที่ปิดทององค์พระธาตุและเดินชมบริเวณรอบๆกันเสร็จแล้ว สมควรแก่เวลาที่จะต้องพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้า….ราตรีสวัสดิ์คร้าบบบบบ “ ^_^ ”

วันที่สามของการเดินทาง

บ๊าย…บาย…พระธาตุอินทร์แขวน

อรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับบรรยากาศเย็นๆครับ เชิญท่านสมาชิกรับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว สมควรแก่เวลาเดินทางกันต่อ จากนี้เราจะไปนมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว

หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว เราก็เดินทางกลับสู่เมืองหงสาวดีเพื่อ นมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง เมื่อเดินทางถึงนำท่านสมาชิกนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศ เป็นพระนอนที่งามที่สุดในประเทศ องค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร พระพุทธไสยาสน์แห่งพะโค (เมืองหงสาวดี) องค์นี้สร้างขึ้นใน ค.ศ. 994 ตามบัญชาของพระเจ้ามินกะดีป่า ก่อนหน้าที่พวกบะหม่า(พม่า) จะเข้ามามีอำนาจเหนือพวกมอญ แต่พระองค์ก็ถูกทิ้งให้ผุพังอยุ่เกือบ 500 ปี จนถึงรัชสมัยของพระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสั่งให้ข้าทาสทหารได้บูรณะขึ้นใหม่ เมื่อเข้าสู่ ศตวรรษที่ 18 พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวจึงถูกทิ้งร้าง และได้ปล่อยให้ป่ารกชัฏขึ้นปกคลุมอีกครั้งจนกระทั่งปี 1881 ผู้รับเหมาสร้างทางรถไฟให้กับอังกฤษกลุ่มหนึ่งได้พบเข้าโดยบังเอิญแต่ก็คิดว่ามันเป็นแค่ กองอิฐกองหิน ต่อมาทางการจึงได้ถางป่าออกในปี 1906 แล้วใช้เหล็กปลูกโรงเรือนช่วยคุ้มแดดคุ้มฝนให้แต่ดูไม่ดีเท่าไหร่ ครั้นถึงปี 1948 จึงทำการบูรณะพระองค์ขึ้นใหม่อีกครั้ง มีการทาสีและปิดทองล่องชาดอย่างงดงาม ได้ทำการบูรณะเลยมาจนถึงปัจจุบัน

ตรงทางขึ้นตลอดสองข้างเป็นร้านช้อปปิ้งของฝากจากเมืองหงสาวดี อาทิ ผ้าพื้นบ้าน ไม้แกะสลัก เรือสำเภา ฯลฯ ท่านสมาชิกช้อปปิ้งกันใหญ่ ได้ของฝากเยอะแยะเชียว สมควรแก่เวลานำท่านสมาชิกรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Kyaw Swa (Bago) River Prawn อาหารที่นี่จะเป็นแบบเซตเมนู

สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่เมืองย่างกุ้ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ ชั่วโมงครึ่ง นำท่านสมาชิกสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจ้าทัตจี หรือ พระตาหวาน ซึ่งเป็นพระที่มีความสวยงามอีกองค์หนึ่งของพม่า มีความยาวถึง 70 เมตร แต่เก่าแก่เพียงไม่กี่สิบปีและมีขนาดใหญ่กว่า พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว มีขนตาที่งดงามและดวงตาที่สง่างาม ซึ่งได้ให้ช่างที่ฝีมือการประดิษฐ์ที่ดีที่สุดในพม่าสร้างดวงตาขึ้น พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการและพระบาทซ้อนกันซึ่งแตกต่างกับศิลปะของไทย อย่างไรก็ดี วัดแห่งนี้จัดเป็นศูนย์กลางสำคัญในการศึกษาตำรับตำราทางพระพุทธศาสนา มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่มากถึง 600 รูป

จากนั้นนำท่านสมาชิกนมัสการ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระเจดีย์ทองคำคู่บ้านคู่เมืองประเทศพม่าอายุกว่าสองพันห้าร้อยปี กล่าวกันว่าทองคำที่ใช้หุ้มมหาเจดีย์ชเวดากองนี่ยังมีมากกว่าในห้องนิรภัยของธนาคารประเทศอังกฤษเสียอีก ใครก็ตามที่ได้พบเห็น ก็ต้องรู้ว่าพม่านั้นมีความมั่งคั่งแฝงเร้นอยู่มากมายมหาศาล มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูง 100 เมตรภายในองค์เจดีย์ประดิษฐานพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าและเครื่องบริขารของอดีตพระพุทธเจ้าอีกสามองค์เอาไว้ ส่วนด้านนอกมีการใช้แผ่นทองหุ้มเอาไว้มากถึง 8,688 แผ่น ส่วนยอดประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด ทับทิม ไพลิน และบุษราคัมอีก 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดเขื่องอยู่ตรงกึ่งกลาง ทั้งหมดนี้อยู่บนยอดฉัตรสูง 10 เมตร ที่มีไม้หุ้มทองเจ็ดท่อนรองรับ มีระฆังใบเล็ก ๆ ประดับอยู่ 1,485 ใบ เป็นระฆังทอง 1,065 ใบ ระฆังเงิน 420 ใบ รอบองค์เจดีย์ชเวดากองมีทั้งสถูปบริวาร วิหารทิศ วิหารราย และศาลาอำนวยการ มีพระประจำวันเกิดให้ท่านได้สรงน้ำขอพร และขอพรจากองค์เจดีย์ ณ ลานอธิฐานอดีตเคยเป็นลานอธิฐานของพระเจ้าบุเรงนองก่อนออกรบ

สมควรแก่เวลานำท่านสมาชิกรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคาร Karaweik Palace With Cultural Show พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์ของพม่า อันงดงาม อ่อนช้อย บนทะเลสาบหลวง ภัตตาคารแห่งนี้สร้างตามต้นแบบเรือกัญญาของราชวงศ์พม่า หัวเรือเป็นรูปนกการะเวกก์สัตว์ในเทพนิยายอินเดีย หลังคาทำเป็นทรงปราสาทซ้อนสูง ภายในตกแต่งด้วยงานลงรักปิดทองประดับกระจกสี หินอ่อน และงานฝังมุก ประดับไฟอย่างงดงาม

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว สมควรแก่เวลาเข้าที่พัก คืนนี้เราพักที่โรงแรมเดิม ที่ Orchid Hotel ของเมืองย่างกุ้ง หลังจากแจกกุญแจห้องพักเสร็จแล้ว นัดเวลา พรุ่งนี้ 5.30 – 6.30 – 7.30 และห้องอาหารเปิด 7 โมงเช้า…. ราตรีสวัสดิ์คร้าบ…..

วันสุดท้ายของการเดินทาง

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าทุกๆท่านครับ ทักทายกันเสร็จเชิญทุกท่านรับประทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมครับ สมควรแก่เวลาเก็บสัมภาระและเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมที่พัก เดินทางนมัสการเจดีย์โบดาทาวน์ (เจดีย์โปตาทอง) ซึ่งเป็นสถานที่สักสิทธิ์ ตามตำนานกล่าวไว้ เมื่อราว 2000 ปีก่อนกษัตริย์มอญมีนามว่า พระเจ้าโอกาละปะ ทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพ1000นาย ตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศธาตุที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือเมืองดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบดาทาวน์นี้และทรงแบ่งเส้นพระเกศธาตุไว้1เส้น บรรจุในเจดีย์เพื่อบูชา ก่อนนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ชเวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ ข้างในองค์เจดีย์ ท่านจะได้ชม สิงของสมัยโบราณ อาทิ พระพุทธรูปทองคำ เงิน ดินเผา ซึ่งจัดแสดงไว้ให้ชมภายในองค์เจดีย์ (สถานที่แห่งเดียวที่ท่านสามารถมองเห็นพระเกศธาตุด้วยสายตาของท่านเอง) นำท่านสักการะ รูปปั้นเทพทันใจ ( นัตโบโบยี ) ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพอย่างมากและนิยมมาขอพร ด้วยเชื่อว่าอธิฐานสิ่งใดจะสมความปรารถนาทันที มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ขอพรแล้ว สมดั่งคำอธิฐาน จึงทำให้หลายท่านต้องกลับมาสักการะท่าน หลายๆครั้ง

สมควรแก่เวลาหลังจากนั้นเดินทางสู่เมืองย่างกุ้ง และรับประทานอาหารเที่ยงที ภัตตาคาร Bangkok Kitchen เป็นอาหารมื้อสุดท้ายสำหรับทริปนี้ อาหารเป็นอาหารแบบ เซตเมนู

หลังจากเหนื่อยกันเต็มที่แล้วตลอดการเดินทางสี่วันสามคืน อาหารมื้อสุดท้ายของทริปเลยขอจัดเป็นอาหารไทยซักหน่อยแล้วกันดูท่าทางท่านสมาชิกแต่ละท่านหิวกันทีเดียวเชียว ทานให้เต็มอิ่มกันเลยนะคร้าบ เมื่อทานเสร็จแล้วเราจะเดินทางสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯกัน เพื่อให้ทันเวลาที่จะเข้าสนามบินระหว่างทางนำท่านสมาชิกช้อปปิ้ง ณ ห้างสรรพสินค้า หลังจากเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งกันถ้วนหน้าแล้ว สมควรแก่เวลานำท่านสมาชิกเดินทางสู่สนามบินย่างกุ้ง หลังจากขอบคุณและกล่าวคำล่ำลากับไกด์ท้องถิ่นเสร็จ ก็เช็คอินโหลดกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็รอขึ้นเครื่อง เดินทางกลับกรุงเทพฯกัน ที่เกท 2 เที่ยวบินที่ 8M332 ได้เวลาเหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯแล้ว ทุกท่านก็เก็บเอาบรรยากาศที่สุกสนานกลับกันอย่างเต็มที่ ทั้งของฝาก และภาพถ่ายมากมาย ที่สำคัญ ทุกท่านได้บุญกลับมาอย่างเต็มอิ่มเลยทีเดียวเชียว กลับมาถึงกรุงเทพฯรับกระเป๋าเสร็จ ล่ำลาท่านสมาชิกเสร็จ ก็แยกย้ายกลับภูมิลำเนาคร้าบ…ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะครับ สุดท้ายก็ต้องขอขอบพระคุณท่านสมาชิกทุกๆท่านที่ร่วมเดินทางมากับเรา ขอขอบพระคุณพรหมลิขิตที่ให้เรามาเจอกัน หุหุ

ทริปนี้สนุกเต็มอิ่มกันไหมครับท่านผู้อ่าน เดี๋ยวค่อยมาติดตามกันนะครับว่าน้องอาร์ทคนนี้จะพาทุกท่านไปเที่ยวชมที่ไหนบ้าง ติดตามชมตอนต่อไป เข้ามาอ่านกันเยอะๆนะคร้าบบบบ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกๆท่าน ^^

ทัวร์พม่า


บทความที่เกี่ยวข้อง