logo
image

icon-travel-2 พักผ่อนนอน 2 เกาะ ณ ระนอง

พักผ่อนนอน 2 เกาะ ณ ระนอง

ธันวาคม 11, 2019
แชร์ :

เมื่อถึงเดือนเมษายนของทุกๆปี ก็เข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆเตรียมตัวหยุดยาวเพื่อพักผ่อน เตรียมกลับบ้านต่างจังหวัด แต่สำหรับผมแล้ว ผมมีโอกาสน้อยมากที่จะได้หยุดงานช่วงเทศกาลเหมือนกับคนอื่นๆ เนื่องจากงานของผมเป็นงานบริการ ดังนั้นผมจึงมีเวลาและวันหยุดไม่เหมือนกับมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆเขา ในเมื่อช่วงเทศกาลไม่ได้หยุดละ ผมจึงหาวันหยุดในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเดินทางไปพักผ่อนตามสไตล์ของผมที่ “เกาะช้าง” ซึ่งหลายคนคงคิดว่าเกาะช้างที่อยู่ในจังหวัดตราดแน่นอน แต่ “เกาะช้าง” แห่งนี้ตั้งอยู่ใน “จังหวัดระนอง” ครับ

เกาะช้าง” ตั้งอยู่ทางฝั่งทะอันดามันซึ่งมีน่านน้ำติดกับประเทศเพื่อนบ้านของเรานั่นก็คือ “สหภาพเมียนม่า” ลองสังเกตรูปทรงดูดีๆซิครับก็จะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายช้างอยู่พอสมควร ตามมาครับ ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวด้วยกันครับ

วันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 17:20 น.” หลังจากช่วงเช้ายุ่งอยู่กับการทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลาคิดหรือเตรียมการเดินทางจากที่ทำงานไปยังสถานีขนส่งสายใต้มากนัก ผมจึงตัดสินใจใช้บริการของ GrabCar ซะเลย จะได้อาศัยนอนบนรถด้วย พอเลิกงานผมก็ใช้เวลาก่อนออกเดินทางเพื่อเสร็จสัมภาระของผมเผื่อขาดเหลืออะไรจะได้ซื้อเพิ่มไปด้วยเลย

จากนั้นผมก็โดยสาร GrabCar เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีขนส่งสายใต้ครับ

เวลา 18:23 น.” ผมเดินทางมาถึงสถานีขนส่งสายใต้แล้วครับ พอถึงแล้ว ตัวผมเองถึงกับ งง งง งง แล้วก็ งง นี่มันอะไรเนี่ยทำไมมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ ซึ่งที่นี่มันถูกผสมผสานระหว่างสถานีขนส่งและห้างสรรพสินค้า ซึ่งตัวผมเองมาที่นี่ครั้งสุดท้ายตอนผมไปเที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวกเมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ผมเดินตามป้ายบอกทางเพื่อตามหาจุดจำหน่ายตั๋วของบริษัทสมบัติทัวร์ หาไม่เจอก็ถามซิครับ จนในที่สุดผมก็เจอจุดจำหน่ายตั๋วรถทัวร์ของบริษัทสมบัติทัว์เข้าจนได้ครับ

ผมนำเอกสารที่จองตั๋วออนไลน์มาแลกตั๋วรถทัวร์ครับ เมื่อได้ตั๋วแล้วก็นั่งรอเวลารถออกจากชานชาลาในเวลา 20:30 น. ราคาตั๋วอยู่ที่ 470 บาทผมหาที่นั่งพักก่อนนะครับ

เวลา 20:00 น.” ผมเดินกลับมารอขึ้นรถที่ชานชาลาที่ 13 ก่อนรถออก 30 นาที ตามที่ทางบริษัทสมบัติทัวร์ได้แจ้งไว้ครับ

มีผู้โดยสารบางส่วนเริ่มทยอยขึ้นไปนั่งบนรถทัวร์กันบ้างแล้ว เดี๋ยวผมก็จะตามขึ้นไปครับ

เวลา 20:30 น.” เป๊ะมาก !! ออกตรงเวลาสุดๆ ล้อหมุนพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดระนองกันแล้วครับ ผมขอตัวนอนพักผ่อนก่อนนะครับเจอกันตอนเช้าที่จังหวัดระนองครับ ฝันดีครับ (รู้สึกอิจฉาเสียงกรนของคนที่นั่งด้านหลังผมมาก ดูพี่แกหลับสบายดี)

วันที่ 22 เมษายน 2561 เวลา 01:00 น.” รถทัวร์ของบริษัทสมบัติทัวร์จอดพักรถที่ “ครัวคุณต้น” เหมือนตอนที่ผมไปจังหวัดตรังเมื่อเดือนที่แล้วเลยครับ ผมใช้เวลาทั้งหมดของการจอดพักไปแอบชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือในห้องน้ำ

หลังจากที่จอดรถให้พักเพื่อกินข้าว เข้าน้ำ ยืดเส้นยืดสาย เป็นเวลา 30 นาที ผมก็ขึ้นรถทัวร์และออกเดินทางต่อ ผมก็นอนพักผ่อนต่อครับ

เวลา 05:10 น.” รถทัวร์ที่ผมโดยสารมาเดินทางมาถึงสถานีขนส่งจังหวัดระนองเป็นที่เรียบร้อย อาการผมตอนนี้ดูยังมึน งง อยู่ครับ ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อน ผมขอตัวไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะครับ

จากนั้นผมก็ไปโดยสารรถสองแถวเพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือข้ามฟากไปยัง “เกาะช้าง” ซึ่งเป็นท่าเรือเดียวกับเรือข้ามฟากไป “เกาะพยาม

ค่าโดยสารรถสองแถวอยู่ที่ราคา 15-20 บาท ผมนั่งรถสองแถวจากสถานีขนส่งระนองมายังท่าเรือข้ามฟากใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีครับ

นี่ไงละครับรถสองแถวที่ผมโดยสารมา พอมาถึงท่าเรือข้ามฟากผมก็จัดการซื้อตั๋วเรือเลยครับ เรือที่จะข้ามฟากไปยัง “เกาะช้าง” และ “เกาะพยาม” เป็นแบบเรือเมล์ราคา 200 บาท และ Speed Boat ราคา 350 บาท

ผมเลือกที่จะซื้อตั๋วเรือเมล์ธรรมดาพอ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของผมด้วยแต่กว่าเรือเที่ยวแรกจะออกก็ต้องรอถึง 10 โมงเช้าโน่นเลย ผมใช้บริการเรือข้ามฟากของท่าเรือนาวาอันดามันครับ ถึงตอนนี้ผมทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น ยาวไปครับ

ตอนแรกก็หลงดีใจมีคนนั่งรอเป็นเยอะแยะเลย แต่พอนั่งไปสักพักเหลือตัวคนเดียวเหมือนเดิม คนอื่นๆเขาหนีไปขึ้นเรือสปีดโบ๊ทกันหมดแล้ว ผมก็คงต้องรอต่อไปแบบนี้ เหมือนที่เป็นมา ฮ่าๆ

อีกเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้นเรือก็จะออกแล้ว ผมนั่งฆ่าเวลาด้วยการฟังเพลง นั่งเขียนบันทึก

หน้าตาอาจจะดูเซ็งไปหน่อย สงสัยมันเกิดขึ้นจากความเหนื่อยล้าครับ

และนี่ก็คือผู้โดยสารที่นั่งรอเรือเที่ยวเดียวกับผม ยิ่งสายก็เริ่มทยอยมากันเรื่อยๆครับ ขณะที่นั่งฟังเพลงรอเรืออยู่อย่างเพลิดเพลิน พนักขายตั๋วเรียกผู้โดยสารที่จะโดยสารเรือธรรมดาไปยัง “เกาะช้าง” และ “เกาะพยาม” ขึ้นรถเพื่อไปขึ้นเรืออีกท่าเรือหนึ่งที่ห่างจากท่าเรือที่ผมนั่งรอในตอนแรกประมาณ 10 นาที เป็นท่าเรือ “ไต๋แขก

ผู้โดยสารที่ขึ้นรถมาด้วยกันมีทั้งหมด 8 คน เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด 6 คนและคนไทย 2 คน ซึ่งผมคือหนึ่งในนั้น

เวลา 10:00 น.” หลังจากนั่งอดทนรอเรือออกมา 3 ชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดเรือก็เคลื่อนตัวออกจากท่าเพื่อมุ่งหน้าไปยัง “เกาะช้าง” และ “เกาะพยาม” ตามลำดับ

ผมใช้ช่วงเวลาในการนั่งเรือพักผ่อนไปด้วย ระหว่างที่เรือแล่นผ่านสามารถมองเห็นเกาะทางฝั่งประเทศเมียนม่าได้ด้วย นั่นก็คือเกาะหนึ่งและเกาะสองครับ

เวลา 12:17 น.” เรือเมล์ที่ผมโดยสารมาจอดลอยลำอยู่กลางทะเลเพื่อรอคนที่บ้านโจรสลัดมารับ ผมนั่งรออยู่ด้านล่างของเรือแต่ก็ยังไม่มีใครออกมารับผม พนักงานบนเรือจึงบอกกับผมว่าเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากทางบ้านโจรสลัดไม่สามารถนำเรือออกมารับผมได้ เพราะคนที่บ้านโจรสลัดเขาไปงานแต่งงานที่เกาะพยามกันหมดเอาจริงๆแล้วก็ผิดที่ผมนี่แหละที่ไม่โทรไปบอกพี่ที่บ้านโจรสลัดก่อนขึ้นเรือ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนเลยไปขึ้นฝั่งไปพักที่เกาะพยามก่อน 1 คืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับไปที่เกาะช้าง บ้านโจรสลัด อีกครั้ง คิดเสียว่าการเดินทางย่อมมีปัญหาบ้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นมันจะสอนเราให้แกร่งขึ้น

จากจุดที่เรือเมล์ลอยลำให้ผมลงตอนแรกก็อีกไม่ไกลมากนัก เรือเมล์ก็เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือเกาะพยาม

ผมเดินลงจากเรือเมล์เดินตามสะพานท่าเทียบเรือ เพื่อจะหาที่นั่งเพื่อจัดการเรื่องการจองห้องพักบนเกาะพยาม

ถึงแล้วครับ “เกาะพยาม” ผมรีบเดินไปหาที่นั่งจากนั้นก็จัดการโทรจองห้องพัก ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไมผมจองได้ไวจัง ผมเตรียมข้อมูลที่พักไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาที่นี่แล้ว เมื่อได้ที่พักแล้วต่อไปก็หาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทางบนเกาะพยามแห่งนี้นี่เองครับ สำหรับค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาเริ่มต้นที่ 150-250 บาท/วัน ครับ

ในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว…..ก็ลุยกันเลย ออกตามหาที่พักคืนนี้ก่อนดีกว่า อ่อๆ ลืมบอกไปครับว่าคืนนี้ผมพักที่ “แร็บบิท บังกะโล” ครับ ราคาค่าห้องอยู่ที่ 600 บาท บังกะโลตั้งอยู่ใกล้อ่าวเขาควายซึ่งที่ที่ผมกำลังอยากไปพอดีเลย

เวลา 13:00 น.” หลังจากขี่นถมอเตอร์ไซค์วนไปวนมา จนในที่สุดผมก็หอบเอาร่างกายอันเหนื่อยล้าของผมมายังที่พักได้สำเร็จ คนที่ดูแลที่นี่ชื่อ “คุณเฟิร์ส” ครับ

คุณเฟิร์สนำแผนที่ออกมากลางให้ผมดูพร้อมกับอธิบายและแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้กับผม จากนั้นก็พาผมเดินมายังห้องพักครับ

ผมได้บ้านพักหมายเลข 16 ลักษณะของบ้านพักเป็นแบบบ้านหลัง เหมาะสำหรับลูกค้า 2 ท่าน มีห้องน้ำในตัว มีน้ำดื่มฟรี 2 ขวด และที่นี่เปิดไฟฟ้าใช้งานตั้งแต่ 18:00 – 07:00 น. ของทุกๆวันครับ

เมื่อถึงที่พักผมก็นำของในกระเป๋าทั้งหมดออกและนำของที่จำเป็นเท่านั้นออกไปด้วย แต่ตอนนี้ผมหิวมากๆ สงสัยคงต้องไปหาร้านข้าวกินเพื่อเติมพลังก่อนออกเที่ยวรอบๆเกาะพยามซะแล้ว เมนูอาหารของผมมื้อนี้ก็เอาง่ายๆครับ เป็นไก่ย่าง น้ำตกหมู และข้าวเหนียวครับ เมื่อเติมพลังเต็มที่แล้วผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนกลับไปทางบังกะโลที่ผมพักเพื่อไปยัง “อ่าวเขาควาย” ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากบังกะโลที่ผมพัก

วันนี้น้ำค่อนข้างขึ้นสูงทำให้มองไม่เห็นชายหาดที่โค้งเหมือนเขาควายได้ถนัดมากนัก ผมจึงหามุมอื่นถ่ายรูปแทน

เดินเรียบชายหาดไปเรื่อยๆ ก็จะเจอหินทะลุแบบที่เห็นในภาพนี้แหละครับ

ผมเดินถ่ายภาพเล่นบริเวณอ่าวเขาควายอยู่สักพักใหญ่ๆ ผมก็ตัดสินใจกลับไปที่บังกะโลเพื่อทำการพักผ่อน นอนหลับ แล้วค่อยตื่นไปดูพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น

เวลา 17:20 น.” หลังจากที่ได้นอนพักเอาแรง ถึงตอนนี้ผมก็พร้อมออกไปดูพระอาทิตย์ตกแล้ว ผมตั้งใจไว้ว่าผมจะไปดูพระอาทิตย์ตกที่ร้านฮิปปี้บาร์ ตามผมไปดูพระอาทิตย์ตกกันครับ

ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์จากที่พักไปยังร้านฮิปปี้บาร์ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีครับ

ผมเห็นร้านฮิปปี้บาร์ครั้งแรกผมยอมรับเลยว่าผมตกตะลึงในความสวยงามของบาร์แห่งนี้มาก ถึงกับลืมไปเลยว่าผมมาที่นี่เพื่อมาดูพระอาทิตย์นะ

สำหรับผมแล้วมุมดูพระอาทิตย์ตกยังไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่เนื่องจากมันมีแหลมที่ยื่นลงไปในทะเลขวางอยู่ทำให้เห็นไม่ค่อยถนัดนัก

ผมจึงคิดว่าถ้าผมเปลี่ยนใจและขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูพระอาทิตย์ตกที่อ่าวใหญ่จะดีกว่าไหม ผมจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา และเมื่อคาดคะเนดูแล้วผมคิดว่าน่าจะทัน ผมจึงรีบแว้นไปที่อ่าวใหญ่ทันที

เวลา 18:18 น.” ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงที่อ่าวใหญ่แล้ว ที่นี่คนเยอะมากๆ

ในสายตาผมเอง ผมว่ามันสวยกว่าตรงร้านฮิปปี้บาร์นะ

พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปซ่อนอยู่หลังภูเขาแล้ว เป็นบรรยากาศที่สวยงามมาก

พอพระอาทิตย์ตกเรียบร้อยแล้วผมก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบังกะโลที่พัก หาข้าวกิน อาบน้ำให้สดชื่นสักหน่อย

แต่พอมาถึงที่พักแทนที่ผมจะได้รีบอาบน้ำท้องมันดันร้องขึ้นมาเสียก่อน ผมเลยต้องนำมาม่าที่ผมเตรียมมาต้มกินเพื่อระงับความหิวก่อน

หลังจากที่เอร็ดอร่อยกับกินมาม่าต้มผมก็ไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวจะเข้านอน ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินข้างนอกต่อ แต่พอได้ล้มตัวลงนอนแล้วมันรู้สึกสบายจนแทบจะหลับผมเลยกินแค่มาม่าแค่อย่างเดียวพอ

เวลา 23:45 น.” ดึกมากแล้ว อาการง่วงนอนเริ่มเข้าครอบงำผมแล้ว ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับทุกๆคน แล้วเจอกันในวันพรุ่งนี้นะครับ ฝันดีครับ

วันที่ 23 เมษายน 2561 เวลา 05:34 น.” ผมตื่นแต่เช้าเหมือนทุกๆครั้งที่ผมออกเดินทางไปเที่ยวตามต่างจังหวัด ตื่นเพื่อมารับอากาศอันบริสุทธิ์ยามเช้า อีกอย่างคือตื่นมาตรวจเช็คการชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกค์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและแบตเตอรี่เต็มอยู่เสมอ เพราะไฟฟ้าของทางบังกะโลเปิดใช้งานได้ถึง 7 โมงเช้า อีกอย่างวันนี้ผมจะข้ามไปนอนที่เกาะช้างซึ่งบ้านโจรสลัดที่ผมจะไปพักนั้นผมทราบมาว่าไม่มีไฟฟ้าให้ใช้งาน

ผมชอบเสียงไก่ขันยามเช้ามาก ได้ยินได้ฟังทีไรก็อมยิ้มเสมอครับ ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ มันคือนาฬิกาปลุกที่ธรรมชาติที่สร้างให้กับมนุษย์อย่างเราได้ตื่นขึ้น

อย่างที่ผมบอกครับ ผมชอบตื่นมาสัมผัสบรรยากาศยามเช้าเวลาที่ผมได้ออกเดินทางไปเที่ยวตามจังหวัด ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ผมขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากบังกะโลนิดหน่อยเพื่อมารับลมทะเล ฟังเสียงคลื่นยามเช้า ที่อ่าวเขาควายครับ วันนี้ระดับน้ำลดลงกว่าเมื่อวานเยอะมากครับ ถ้าถ่ายรูปก็คงจะได้เห็นภาพชายหาดโค้งเหมือนเขาควายตามชื่อที่เขาตั้งกันครับ

เวลา 07:45 น.” ความหิวในยามเช้าเริ่มมาเยือน สำหรับผมแล้วอาหารเช้าสำคัญมาก ผมจึงออกไปหาข้าวกิน

เมนูง่ายๆสำหรับผมครับ ไม่ว่าที่ไหนๆก็หากินได้ครับ ข้าวมันไก่ ตามต่อด้วยของหวานอย่างขนมครกอีกหนึ่งกล่องครับ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเช้านี้แล้วครับ

เวลา 09:35 น.” ผมทำการคืนห้องพักกับทางบังกะโลที่ผมพักและผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับมายังท่าเรือด้านหน้าเพื่อคืนรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่าและซื้อตั๋วเรือข้ามฟากไปยังเกาะช้างครับ

ผมได้ตั๋วเรือไปลงที่อ่าวเล็กบ้านโจรสลัดรอบเวลา 13:30 น. ผมมีเวลาเหลือก่อนที่เรือจะออก 4 ชั่วโมงเต็มๆ แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน รถมอเตอร์ไซค์ก็เอาไปคืนที่ร้านแล้ว ถึงตอนนี้ก็ได้แต่นั่งรอแล้วก็เดินไปเดินมาอยู่แถวๆบริเวณท่าเรือเกาะพยามนี่แหละ

ระหว่างที่ผมนั่งรอเรืออยู่นั้นผมก็ได้ทำการโทรไปยืนยันที่จะเข้าพักกับทางคนที่ดูแลบ้านโจรสลัด(คุณแอ็ค) เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็รอต่อไป

ผมนั่งรอมานานมาก จนผมเริ่มหิวหลังจากที่กินข้าวเช้ามาตั้งแต่ 7 โมงเช้ากว่าๆ ผมจึงเดินกลับไปที่ร้านค้าเพื่อเลือกซื้อหาของกินและหาซื้อขนมติดมากินที่บ้านโจรสลัดด้วยเลย

เวลา 13:15 น.” ใกล้ได้เวลาขึ้นเรือแล้วผมจึงเดินไปที่ท่าเรือ

อดทนรอมาตั้งนานและแล้วเวลาที่เรารอคอยมาตั้งแต่เช้าก็มาถึงจนได้ ถึงเวลาที่ผมต้องโบกมือลาเกาะพยามแห่งนี้แล้วซินะ

หากมีเวลา มีโอกาสที่เหมาะสม ผมจะกลับมาเยือนอีกครั้งแน่นอน การพักค้างคืนที่เกาะพยามเพียงแค่คืนเดียวมันคงยังไม่พอสำหรับผมแน่นอน

เวลา 13:33 น.” ได้เวลาขึ้นเรือแล้วครับ ผมต้องขึ้นเป็นสุดท้ายเนื่องจากผมต้องลงที่อ่าวเล็กบ้านโจรสลัด มีคนลงทั้งหมด 3 คนรวมผมด้วย

เดี๋ยวพอไปถึงที่นั่นคุณแอ็คคนที่ดูแลบ้านโจรสลัดจะนำเรือเล็กออกมารับผมและคนอื่นๆ เพราะว่าที่อ่าวเล็กไม่มีท่าเทียบเรือครับ ผมนั่งเรือมาไม่น่าจะเกิน 10-15 นาที ผมก็เดินทางมาถึงอ่าวเล็กแล้วครับ

คุณแอ็คยืนรอรับพวกเราอยู่บนเรือ เมื่อผมลงไปบนเรือที่คุณแอ็คยืนรออยู่ คุณแอ็คจะพาเราขึ้นเรือเล็กที่จอดอยู่ข้างๆพายพาผมขึ้นฝั่งครับ

คือบอกตรงๆนะครับ รอบที่ผมนั่งเรือที่คุณแอ็คพายเข้าฝั่งเป็นการพายเรือมารับรอบที่ 2 แล้วครับ รอบแรกบนเรือมีแค่ 2 คนรวมคุณแอ็คแต่รอบที่ผมขึ้นนั้นมีถึง 3 คน เรือลำก็เล็ก คลื่นก็แรงแถมลูกใหญ่อีกต่างหาก

บอกตรงๆ ผมนี่โคตรเกร็งเลย เพราะถ้าเรือล่มขึ้นกล้องผมที่อยู่ในกระเป๋าพังหมดแน่นอน แต่ไม่ว่ายังไง จนแล้วจนรอด คุณแอ็คก็พาผมขึ้นฝั่งได้สำเร็จ…….เย้ๆ

“สำหรับบ้านโจรสลัดหากใครสนใจที่จะไปพักที่นั่นสามารถโทรจองที่พักได้ที่คุณเคและคุณแอ็คที่เบอร์ 090-170-3808 ถ้าโทรจองแล้วไปหรือไม่ไปก็โทรแจ้งพี่ๆเขาหน่อยนะครับ เพราะเขาไม่มีการโอนเงินมัดจำใดๆ”

เห็นผู้ชายทางด้านขวามือผมในภาพแรกไหมครับ นั่นแหละครับคุณแอ็คผมนั่งพักและเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของบ้านพักโจรสลัด ตอนแรกก็คิดว่าจะเล่นน้ำทะเลที่หาดหน้าบ้านพักแต่พอเห็นคลื่นแล้ว “ผมยอมแพ้”

หลังจากเดินถ่ายรูปเล่นจนสาแก่ใจผมแล้ว คุณแอ็คก็พาผมไปยังห้องพักของผมที่จะเป็นที่พักอาศัยของผมในคืนนี้

ห้องพักก็คือห้องพักจริงๆครับ ไม่มีไฟฟ้าหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากครับ พอถึงห้องพักเท่านั้นแหละผมถึงกับล้มตัวลงนอน ผมขอเวลาพักผ่อนก่อนนะครับไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวเจอกันตอนที่ไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกนะครับ

เวลา 18:17 น.” ผมตื่นจากการนอนพักผ่อน ลุกขึ้นล้างหน้า ล้างตา เรียกความสดชื่น และเดินลงจากบ้านพักและไปหาจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก

สำหรับมุมของผมแล้วใครจะว่ายังไงผมไม่รู้แต่ในสายตาผมมันเป็นมุมที่สวยที่สุดสำหรับผมแล้ว

หลังที่พระอาทิตย์หนีไปพักผ่อน ฟ้าที่เคยมีสีสันก็ค่อยๆมืดลง ผมจึงเดินไปสั่งอาหารเย็นกิน ฮ่าๆ สำหรับมื้อเย็นวันนี้ผมสั่งเป็นข้าวผัดหมู

เป็นการกินข้าวที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ นั่งฟังเสียงคลื่น มันช่างเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยครับ หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง

ราบเป็นหน้ากองครับ ข้าวผัดที่นี่อร่อยมากๆ หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วผมก็ได้ร่วมวงสนทนากับคุณแอ๊คแล้วก็นักท่องเที่ยวที่มาพักที่นี่ นั่งคุยกันไปคุยกันมาจนมาได้รู้จักกันทั้งสองคนชื่อ “คุณอรและคุณไอซ์” สองสาวสวยสายเที่ยวเหมือนกันกับผมนี่แหละครับ แต่ต่างกันตรงที่ผมเดินทางคนเดียว พวกเราทั้ง 4 คนนั่งคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน จนทุกคนเริ่มคุ้นชินกัน สำหรับผมแล้วการได้เจอมิตรภาพระหว่างการเดินทางถือว่าเป็นกำไรชีวิต

พวกเราทั้ง 4 คนนั่งคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน จนทุกคนเริ่มคุ้นชินกัน สำหรับผมแล้วการได้เจอมิตรภาพระหว่างการเดินทางถือว่าเป็นกำไรชีวิตอย่างยิ่งครับ

เวลา 22:45 น.” หลังจากที่คุยกันอย่างสนุกสนานก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้ว ก่อนเข้านอนคุณอรและคุณไอซ์ได้แบ่งปันแป้งเย็นให้ผมได้ทาเพื่อบรรเทาความร้อนให้จางหายไปจากร่างกาย ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับแล้วเจอกันพรุ่งนี้ Good Night

วันที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 05:12 น.” ผมตื่นเช้าเหมือนเช่นเคย ส่วนหนึ่งมาจากอากาศที่ร้อนด้วยที่ทำให้ผมต้องตื่น พอตื่นมาผมก็ลงจากบ้านพักเพื่อมารับอากาศอันบริสุทธิ์พร้อมกับแก็งส์หมาคุมเกาะ พลางขยับร่างกายเพื่อเป็นการยืดเส้นยืดสาย ผมยืนอยู่ตรงหน้าหาดจนฟ้าสาง

หลังจากยืนอยู่คนเดียวได้สักพักหนึ่งก็มี 2 สาว คุณอรและไอซ์เดินเข้ามาทักทายตามประสามิตรสหายที่ได้รู้จักกัน(เมื่อคืน) พวกเรายืนคุยกันอยู่สักพักระหว่างที่ยืนคุยกันอยู่นั้นผมหันไปเห็นกิ่งไม้ไหวไปไหวมา และภาพที่พวกเราเห็นในตอนนั้นก็คือ “นกเงือก” ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆแล้วมันไม่ได้เห็นกันง่ายๆนะครับ ดังนั้นพวกเราจึงพากันเดินลัดเลาะโขดหินไปเรื่อยๆเพื่อตามไปดูนกเงือก แต่พวกเรากลับได้เจอกับฝูงลิง 1 ฝูงใหญ่ที่ห้อยโหนกันอยู่บนต้นไม้ สิ่งเหล่านี้แหละที่จะช่วยบ่งบอกความสมบูรณ์ของป่าและธรรมชาติแถบนี้

พวกเราเดินเล่นกันสักพักก็พากันเดินกลับและแยกย้ายกันทำภารกิจส่วนตัวของแต่ละคน ผมก็กลับมาเก็บสัมภาระเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ ส่วนสองสาว คุณอรกับคุณไอซ์ เดินออกสำรวจเกาะโดยรอบด้วยการเดินเท้า(อึดวะ)

ผมกลับมาที่ห้องพักเก็บของทั้งหมดเรียบร้อยแล้วและใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่นั่งเขียนโปสการ์ด

ซึ่งการเขียนโปสการ์ดส่งให้เพื่อนๆ ถือว่าเป็นกิจกรรมหลักของผมเลยก็ว่าได้ และทุกครั้งที่ออกเดินทางผมจะซื้อสแตมป์ติดไปด้วยทุกๆครั้งแต่ครั้งนี้ผมพลาดเข้าแล้ว เดี๋ยวค่อยไปหาซื้อในตัวเมืองก็ได้

พอเสร็จจากเขียนโปสการ์ดแล้วผมก็นำเตาแก็สและแก็สกระป๋องที่เตรียมมาออกมาต้มน้ำเพื่อต้มมาม่ากินเป็นอาหารเช้าในวันนี้

เช้านี้มีมาม่าแล้วก็นมกล่อง(คุณอรกับคุณไอซ์ให้มา)

วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเดินกลับขึ้นฝั่งที่ระนองแล้ว ผมจองเรือให้เข้ามารับที่อ่าวเล็กตอนเวลา 11:30 น. ผมคาดว่าน่าจะมาถึงที่อ่าวเล็กเกือบเที่ยงแน่นอนเลย ส่วนตอนนี้ก็สายมากแล้วผมขอไปเตรียมตัวเดินทางกลับขึ้นฝั่งระนองก่อนนะครับ

เวลา 10:24 น.” ผมเก็บข้าวของสัมภาระเรียบร้อย จากนั้นผมก็ลงมาติดต่อคุณแอ็คเพื่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด สำหรับใช้ของผมที่นี่ประกอบไปด้วย

  • ค่าที่พัก 1 คืน
  • ข้าวผัดหมู 1 จาน(อร่อยมาก)
  • เบียร์ 4 กระป๋อง
  • เสื้อที่ระลึก 1 ตัว

รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 790 บาท

ยอดรายจ่ายทั้งหมดของผมจะถูกจดไว้ในสมุดบันทึกค่าใช้จ่ายการเดินทางของผม เมื่อชำระค่าใช้จ่ายขอผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจึงขอถ่ายรูปกับคุณแอ็คเพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งผมได้เคยมาพักที่ที่สงบเงียบและเรียบง่ายแห่งนี้

ส่วนคนในรูปภาพที่ 2 คือ “คุณเค” คนที่เป็นเจ้าของและดูแลที่นี่ มันก็คือธุรกิจในครอบครัวของทั้งคุณเคและคุณแอ็คนั่นแหละครับ

อ่อๆ ผมมีอะไรจะอวดด้วยนะครับ คือเห็นครั้งแรกก็อยากได้เป็นเจ้าของเลย

มันคือ “เสื้อยืด” ของบ้านโจรสลัดแห่งนี้นี่เอง มันสวยโดนใจผมมาก

ผมใช้เวลาที่มีเหลืออยู่ที่นี่นั่งรอเรือ Speed Boat จากเกาะพยามเข้ามารับผม ระหว่างที่ผมรอเรือมารับอยู่นั้น คุณแอ็คก็ได้นำเรือเล็กออกมาพายไปรับลูกค้าที่จะมาพักกันในคืนนี้

ผมเห็นมีทั้งหมด 4 คน คืนนี้คนน่าจะเยอะกว่าเมื่อคืนที่ผมนอนแน่เลย คิดแล้วก็ยังไม่อยากกลับ

เวลา 11:24 น.” หลังจากคุณแอ็ครับลูกค้าคนสุดท้ายเข้าฝั่งคุณเคก็ให้ผมขึ้นเรือออกไปพร้อมกันเลยและให้ผมโทรบอกกับเรือ Speed Boat ว่าให้รอรับผมที่ด้านหน้าเกาะทะลุ คุณเคกับคุณแอ็คจะจอดเรือลอยลำอยู่ที่ด้านหน้าเกาะ

แต่สาเหตุหลักๆที่คุณเคและคุณแอ็คออกมาลอยลำเรืออยู่หน้าเกาะทะลุเพื่อส่งผมก็คือ คุณเคสั่งของมากับเรือเมล์และเรือเมล์ก็ใกล้ถึงแล้ว และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ คลื่นเริ่มแรงและลูกใหญ่ขึ้นอาจทำให้การนำเรือพายเล็กออกมารับ-ส่ง ลูกค้า มันเกิดความลำบากและเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุด้วยครับ

อ่อๆ ลืมบอกไปว่าสำหรับตั๋วเรือขากลับนั้นเราไปจ่ายบนเรือได้เลยครับ สนนราคาอยู่ที่ 300 บาท

เวลา 11:34 น.” เรือ Speed Boat ก็มาถึงจุดที่คุณเคจอดเรือลอยลำรอ ผมกล่าวคำอำลาและขอบคุณกับคุณเคและคุณแอ็ค ที่มอบความสุขให้กับผม แม้ว่าผมจะพักที่นี่แค่คืนเดียวทั้งๆที่ตั้งใจมาสองคืน จากนั้นผมก็ก้าวเท้าขึ้นเรือ Speed Boat และหันมาส่งสายตาซึ้งๆให้คุณเคกับคุนแอ็ค ประมาณว่า “นี่เราจะต้องไปจริงเหรอ”

ผมขึ้นเรือ Speed Boat พร้อมมุ่งหน้าสู่ฝั่งระนองแล้วไปกันเลยครับ

คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการนั่งเรือประมาณ 30 นาทีครับ

เวลา 12:05 น.” เรือจอดเทียบท่า ผู้โดยสารทยอยลงจากเรือรวมถึงตัวผมเองด้วย หลังจากนั้นผมก็เดินเท้าต่อเพื่อออกไปขึ้นรถสองแถวกลับเข้าตัวเมืองครับ

ผมขึ้นรถสองแถว(คันสีแดง) 15 บาทตลอดสายเข้าตัวเมือง ผมตั้งใจไปลงที่ตลาดสดเทศบาลเมืองระนองและใช้ที่ตรงนั้นเป็นจุดศูนย์กลางในการเดินเที่ยวในตัวเมือง โชคดีของผมอย่างหนึ่งก็คือลุงคนขับรถแกเป็นคนอยุธยาและเมื่อพอลุงแกรู้ว่าผมเป็นคนสุพรรณฯ เท่านั้นแหละลุงก็ชวนผมคุยยาวเลยแถมยังอธิบายเส้นทางและการใช้บริการรถสองแถวในตัวเมืองระนองให้ผมฟังอย่างละเอียด สบายแล้วผมคราวนี้

นั่งรถสองแถวมาสักประมาณ 20 นาที รถสองแถวก็มาจอดสุดสายให้ผมลงที่ตลาดสดเทศบาลตามที่ผมต้องการ ผมเดินลงจากรถมุ่งหน้าไปที่ร้านข้าวในตลาดเพื่อหาข้าวกิน

ผมสั่งข้าวหมูแดงกับน้ำชาเย็นมากินในมื้อนี้ รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ สำหรับมื้อนี้ผมหมดเงินไป 60 บาท

หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จสิ่งที่ผมจะทำต่อไปคือหาที่ทำการบริษัทสมบัติทัวร์ เพื่อผมจะได้นำของไปฝาก , ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ , พักผ่อน และค่อยออกไปเดินเที่ยวในตัวเมืองระนองต่อ สำหรับที่ทำการของบริษัทสมบัติทัวร์ผมก็แค่เดินทางเข้าซอยข้างตลาดสดเทศบาลตรงไปเรื่อยๆจนทะลุถึงถนนอีกฝั่งก็จะเจอบริษัทสมบัติทัวร์เป็นตึกอาคารพานิชย์สีฟ้าสลับขาว พอผมถึงผมก็ขออนุญาตเจ้าหน้าที่นั่งพักผ่อนและชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์

เวลา 13:46 น.” พักผ่อนจนพอหายเหนื่อยแล้ว ผมเริ่มวางแผนเที่ยวในตัวเมืองต่อ ผมคิดไว้ว่าผมจะไปที่ “บ่อน้ำพุร้อน” ก่อนขากลับค่อยแวะเดินเที่ยวในตัวเมือง สรุปแผนตามนี้ งั้นก็ลุยกันเลย

ตอนแรกผมคิดว่าจะขึ้นรถสองแถวคันสีน้ำเงินไปซึ่งเขาจะจอดปากทางและผมก็จะเดินเข้าไปในตัวน้ำพุร้อนหรือขึ้นรถสองแถวสายระอุ่น-ตลาด ไปซึ่งรถสองแถวสายนี้เข้าไปถึงตัวน้ำพุร้อนเลย แต่เนื่องจากผมต้องไปส่งโปสการ์ดให้เพื่อนๆก่อนและที่ทำการไปรษณีย์ก็ไกลเหลือเกิน ผมจึงเปลี่ยนแผนการเดินทางไปบ่อน้ำพุร้อนจากการนั่งรถสองแถวเป็นวินมอเตอร์ไซค์แทน ฮ่าๆ

ลุงวินไปส่งผมที่ทำการไปรษณีย์ก่อนและไปส่งผมต่อที่บ่อน้ำพุร้อน สนนราคาที่ 80 บาท

เวลา 14:34 น.” ผมนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาถึงที่หมาย “บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก

มีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนด้วยการแช่น้ำพุร้อนที่นี่ค่อนข้างหนาตาพอสมควร เหมือนว่าใครมาที่จังหวัดระนองแล้วต้องห้ามพลาดเป็นอันขาด ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง ผมขอตัวแป๊บ

โอ้ยๆๆ…แม่งร้อนวะ อากาศที่ร้อนอยู่แล้วดันมาแช่น้ำพุร้อนตอนนี้เหงื่อก็ท่วมตัวซิครับ แต่พอได้แช่ไปมันก็จะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายครับ หลังจากที่ผมได้แช่เท้าจนอีกนิดเดียวเท้าผมจะเปื่อยเป็นต้มซุปเปอร์ละ ผมก็เดินเที่ยวเล่นบริเวณรอบๆบ่อน้ำพุร้อน

จากนั้นผมก็เดินไปรอขึ้นรถสองแถวกลับเข้าตัวเมืองต่อไป ย้ำอีกครั้งนะครับรถสองแถวที่เข้าบ่อน้ำพุร้อนคือรถคันสีแดง “สายระอุ่น-ตลาด

เวลา 15:43 น.” ผมนั่งรถกลับเข้ามาในตัวเมืองอีกครั้งครับ เพื่อเดินเที่ยวในตัวเมือง

ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ผมต้องหาซื้อน้ำดื่มเพื่อเรียกความสดชื่นอีกครั้ง แต่ระหว่างที่ผมซื้อน้ำอยู่นั้นผมก็ไปสะดุดตาที่ร้านขายไอศครีมไข่แข็ง

ใส่เครื่องได้ตามใจชอบเลยครับ รสชาติ หอม หวาน มัน อร่อย และชื่นใจเป็นที่สุด

ถ้วยที่ผมกินไม่ได้ใส่ไข่นะครับเพราะผมคิดว่ามันไม่น่าจะเข้ากัน ฮ่าๆ

ผมเดินเล่นชมตึก ราม บ้านช่อง ในตัวเมืองระนองที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส

สถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิปละตะวันออกและตะวันตก

สถาปัตยกรรมมแบบนี้เราสามารถพบเห็นได้ตามจังหวัดที่มีการทำอุสาหกรรมด้านเมืองแร่ครับ

สำหรับในบ้านบ้านเราที่มีสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่เด่นและเห็นได้ชัดก็มีที่ “จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดระนอง” นี่แหละครับ

ผมเดินชม ชิม แคปเจอร์ ไปเรื่อยๆจนมาสะดุดตาที่สถานที่หนึ่งนั่นก็คือ “พระราชววังรัตนรังสรรค์

ซึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังจำลองนะครับ ผมเดินเล่นมาเป็นชั่วโมงละจนเริ่มเหนื่อย ผมจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่บริษัทสมบัติทัวร์ ขอตัวเดินกลับก่อนนะครับ

เวลา 17:06 น.” ผมเดินมาถึงที่บริษัทสมบัติทัวร์ เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงรถทัวร์ที่ผมจองเดินทางกลับกรุงเทพฯก็จะออกแล้ว ผมนั่งพักตากแอร์จนหายเหนื่อยผมก็เดินออกไปหาของกินบริเวณตลาดเย็น ผมสั่งบะหมี่เกี๊ยวกุ้งมากินเป็นมื้อเย็น

เป็นยังไงครับน่ากินไหมละครับ ชามนี้สั่งพิเศษไปเลยผม หิวจัด พอเสร็จจากการกินมื้อเย็นผมก็เดินกลับไปยังบริษัทสมบัติทัวร์ระหว่างที่ผมเดินกลับนั้นผมได้เจอกับน้องผู้หญิง 2 คน (ไม่ใช่คุณไอซ์กับคุณอร) ที่พักที่บ้านโจรสลัดด้วยกัน ผมเลยได้นั่งคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาอันสมควรพวกเราก็แยกย้ายกัน

เวลา 20:30 น.” พนักงานประจำรถที่ผมจะโดยสารเดินทางกลับกรุงเทพฯ ก็เรียกผู้โดยสารขึ้นรถ

จากนั้นรถทัวร์ก็เคลื่อนตัวออกจากบริษัทสมบัติทัวร์แวะรับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งจังหวัดระนองและมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ผมคงหลับยาวๆเลยครับเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เจอกันที่กรุงเทพฯครับ

วันที่ 25 เมษายน 2561 เวลา 05:45 น.” หลังจากนั่งรถยาวนานถึง 9 ชั่วโมงเศษ รถทัวร์ที่ผมโดยสารมาก็เดินทางมาถึงสถานีขนส่งสายใต้แล้ว แต่ผมได้เเจ้งกับพนักงานประจำรถแล้วว่าผมขอลงที่สถานีรับรถของสมบัติทัวร์เลยเพราะมันง่ายในการเดินทางกลับบ้านของผม และที่โชคดีไปกว่านั้นคือรถทัวร์ขับผ่านสวนจตุจักรผมจึงขอลงตรงรถไฟฟ้าใต้ดินเลย

เวลา 06:01 น.” ผมขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจากสถานีสวนจตุจักรไปลงที่สถานีสุขุมวิท นั่งมาประมาณ 20 นาที ผมก็มาถึงสถานีสุขุมวิท

ผมเดินไปเอารถมอเตอร์ไซค์ผมที่จอดฝากไว้ที่โรงแรมที่ผมทำงานอยู่และขี่กลับบ้านพักของผมที่อยู่ย่านสายไหม

เวลา 07:45 น.” ผมเดินทางกลับถึงบ้านผมโดยสวัสดิภาพและนี่ถือว่าเป็นการปิดทริปได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกทริปหนึ่งเลยก็ว่าได้ครับ

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางทริปนี้

ผมยืนยันครับว่าเงินที่ผมจ่ายออกไปนั้นคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์และได้รับความสุขอย่างเต็มเปี่ยม

“ผมได้อะไรหลายๆอย่างมากมายจากการเดินทางในแต่ละครั้ง ได้ประสบการณ์ ได้มิตรภาพ ได้ฝึกความอดทนในด้านต่าง การเดินทางยังสอนให้ผมมีมุมมองทางด้านความคิดต่างไปจากเดิม ขอบคุณเพื่อนๆร่วมทางที่ได้รู้จักกัน แล้วพบกันใหม่ครับ”

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจในการเดินทางครั้งนี้

  • Power Bank
  • การจัดสรรเวลาในการเดินทาง
  • หัดเป็นคนยิ้มง่ายแล้วจะได้เพื่อนใหม่
  • มีจิตใจรักษาความสะอาด
  • ทนการใช้ไฟฟ้าเป็นเวลา
  • อยู่ร่วมกับตุ๊กแกได้
  • รักสงบ รักธรรมชาติ
  • ไม่มีพัดลมก็นอนได้
  • ควบคุมความสมดุลได้ถ้าเรือเล็กโคลง
  • ว่ายน้ำเป็น ถ้าว่ายไม่เป็นไปหัดมา

รูปภาพส่งท้ายประจำทริปนี้

‘สวัสดีครับ…..แล้วพบกันใหม่นักเดินทางทุกท่าน’

ทัวร์ในประเทศไทย


บทความที่เกี่ยวข้อง