logo
image

icon-travel-2 ทริปเวียดนามเหนือ ฮานอย-ฮาลอง 20-23 ก.ค. 56 นำทัวร์โดย นู๋ฝนค่า

ทริปเวียดนามเหนือ ฮานอย-ฮาลอง 20-23 ก.ค. 56 นำทัวร์โดย นู๋ฝนค่า

ธันวาคม 2, 2019
แชร์ :

ประเทศเวียดนาม มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ ทางทิศตะวันออกและใต้ หรือในภาษาเวียดนามเรียกเฉพาะทะเลทางทิศตะวันออกว่า ทะเลตะวันออก ปัจจุบันเวียดนามมีประชากรมากกว่า 93 ล้านคน แต่มีพื้นที่เพียง 331,689 ตร.กม.

วันแรก กรุงเทพฯ-ฮานอย

13.35 น. เดินทางสู่สนามบินนอยไบ ประเทศเวียดนามโดยสายการบินเวียดเจ็ทแอร์

เครื่องเวียดเจทแอร์เป็น AirBus A320 ประมาณ 180 ที่นั่งค่ะ

เครื่องแบบแอร์โฮสเตส น่ารักมั้ยคะ

15.25 น. ถึงสนามบินนอยไบ จากนั้นเดินทางไปชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำในตัวเมืองฮานอยค่ะ

การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ จะใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ โดยเชิดหุ่นแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นการทำนา เพาะปลูก การตกปลา เป็นต้น ใช้เวลาแสดงประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ หลังจากจบการแสดงก็ไปทานอาหารเย็นและเข้าที่พักโรงแรม DELIGHT HOTEL ค่ะ

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สองค่ะ วันนี้เราจะไปซิตี้ทัวร์เมืองฮานอยกันค่ะ เริ่มจาก จัตุรัสบาดิงห์และสุสานโฮจิมินห์ วันนี้คนเยอะมากค่ะชาวเวียดนามต่อแถวมาเคารพศพลุงโฮยาวเหยียด แต่สำหรับกรุ๊ปเราจะมีคนมารับไปเข้าแถวพิเศษไม่ต้องรอคิวนาน ผู้ที่จะเข้าไปในสุสานจะต้องฝากกระเป๋าถือและสิ่งของมีค่าไว้กับเจ้าหน้าที่ ห้ามถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่เข้าไปเคารพจะต้องแต่งกายเรียบร้อยและสำรวมกิริยาเดินตามกันไปเป็นแถว เรียงหนึ่งตามเส้นทางเดินที่จัดไว้ให้ สุสานโฮจิมินห์ตั้งที่จัตุรัสบาดิงห์ จัตุรัสนี้เป็นที่ประธานาธิบดีโฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพ เวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเวียดนามที่มาชุมนุมกันอยู่ในจัตุรัส เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1945

‎สุสานนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1973 หลังจากโฮจิมินห์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1969 ในสุสานโฮจิมินห์มีทหารกองเกียรติยศในชุดเครื่องแบบเต็มยศสีขาวถือดาบปลายปืนยืนรักษาการณ์อยู่ตลอดเวลาเมื่อเราเข้าไปถึงห้องโถงที่กลางห้องมีแท่นหินตั้งโลงแก้วบรรจุร่างของโฮจิมินห์หรือลุงโฮ ดูเหมือนคนนอนหลับอยู่ภายใน ศพของลุงโฮจิมินห์ได้รับการรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม ซึ่งเป็นความลับทางการแพทย์ของรัสเซีย เพื่อนำศพลุงโฮไปทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาที่รัสเซีย เพื่อให้ศพของรัฐบุรุษที่ชาวเวียดนามนับถือเป็นบิดาของประเทศยืนยงไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งจริงๆแล้วลุงโฮจิมินห์สั่งให้เผาร่างของท่าน แล้วนำอัฐิไปบรรจุไว้ที่ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศ หากแต่ว่ารัฐบาลเวียดนามไม่ยอมปฏิบัติตาม เก็บรักษาร่างของลุงโฮไว้ให้คนเวียดนามกราบไหว้และระลึกถึงอยู่จนถึงปัจจุบัน

จากนั้นเราก็เดินไปชมทำเนียบประธานาธิบดีต่อ การก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียล ในอดีตเคยเป็นที่พำนักของข้าราชการชั้นสูงของฝรั่งเศสและยังเป็นที่ทำงานของลุงโฮ

สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่อีกด้วย ปัจจุบันใช้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของประเทศเวียดนามค่ะ จากนั้นเดินมาอีกหน่อยนึงจะเป็นบ้านพักของลุงโฮ เป็นบ้านไม้มีใต้ถุนบ้านเหมือนอย่างเมืองไทย ชั้นบนมีสองห้อง ห้องนอนและห้องทำงาน ส่วนใต้ถุนบ้านเป็นที่ประชุมงานและรับแขกของลุงโฮค่ะ

จากนั้นเดินมาที่วัดเจดีย์เสาเดียว สักการะเจ้าแม่กวนอิม อธิษฐานขอพร ชาวเวียดนามส่วนใหญ่มาไหว้ขอบุตรจากเจ้าแม่กวนอิม เนื่องจากเชื่อว่าในสมัยพระเจ้าหลีไทโต ได้ฝันเห็นเจ้าแม่กวนอิมนั่งอยู่บนใบบัวแล้วยื่นเด็กชายให้ หลังจากนั้นไม่นานพระองค์ก็ได้รัชทายาทดังที่ฝันไว้ พระองค์จึงสร้าง เจดีย์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัวเพื่อเป็นการถวายสักการะแด่เจ้าแม่กวนอิม

จากนั้นนั่งรถจากจัตุรัสบาดิงมาวิหารวรรณกรรมประมาณ 5 นาที วิหารวรรณกรรมแห่งนี้หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า วันเหมียว มีประวัติยาวนานนับพันปี ถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม และยังเป็นที่ตั้งแผ่นจารึกชื่อของ จอหงวน ที่ผ่านการสอบหลักสูตร 3 ปี ซึ่งแต่ละแผ่นตั้งอยู่บนหินรูปเต่า ที่มีจำนวนถึง 82 แผ่น จากที่เคยมีอยู่เดิมถึง 117 แผ่น โดยเริ่มมีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1442-1779 และด้านในยังมีวิหารขงจื้อชาวเวียดนามนิยมพาลูกหลานมาขอพรเรื่องการเรียน การสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยค่ะ

หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารกลางวัน แล้วเดินทางต่อไปยังเมืองฮาลอง ระยะทาง 165 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ

เรามาถึงฮาลองประมาณห้าโมงเย็นค่ะ ก็เช็คอินเข้าโรงแรมก่อนในคืนนี้เรานอนที่โรงแรม CROWN ค่ะ จากนั้นหกโมงเย็นเราก็ไปทานข้าวเย็นและไปช้อปปิ้งตลาดกลางคืนเมืองฮาลอง ที่นี่มีเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึกต่างๆของเมืองฮาลองและประเทศเวียดนามค่ะ และที่นี่จ่ายเงินบาทไทยได้ แม่ค้า พ่อค้าก็พูดภาษาไทยได้นิดหน่อยค่ะ

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สามค่ะ เช้านี้เราจะไปล่องเรือชมอ่าวฮาลองและถ้ำเทียนกุงกันค่ะ อ่าวฮาลอง หรือฮาลองเบย์ ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโกในปีพ.ศ. 2537 มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามเขียนได้ว่า “Vinh Ha Long” หมายถึง “อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง” และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ในอดีตนานมาแล้วระหว่างที่ชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพชาวจีนผู้รุกราน เทพเจ้าได้ส่งมังกรลงมาช่วยปกป้องแผ่นดินเวียดนาม มังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลบริเวณที่เป็นอ่าวฮาลองในปัจจุบัน ทำให้มีอัญมณีและหยกพุ่งกระเด็นออกมากลายเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วอ่าวเป็นเกราะป้องกันผู้รุกราน ทำให้ชาวเวียดนามปกป้องแผ่นดินได้สำเร็จและก่อตั้งเป็นประเทศวียดนามในปัจจุบัน

เรือที่ใช้ล่องมีสองชั้นนะคะชั้นล่างจะเป็นเซตโต๊ะ ที่นั่ง 6 ที่นั่ง มีประมาณ 6 โต๊ะ ไว้นั่งเล่น พักผ่อนและชั้นสองจะเปิดโล่งสามารถไปชมวิวถ่ายรูปได้ค่ะ

เราใช้เวลาล่องเรือประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ผ่านเกาะแก่งน้อยใหญ่ของฮาลองเบย์และยังมีสัญลักษณ์ของฮาลองเบย์ คือ เกาะไก่จูบกันค่ะ

ถ้ำเทียนกุงหรือถ้ำสวรรค์เป็นถ้ำที่มีตำนานของมังกรแม่ ลูกสองตัวอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ไม่ยอมกลับขึ้นสวรรค์ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆแล้วแตจินตนาการค่ะ ไม่วาจะเป็นมังกรแม่ มังกรลูก สิงโต โขลงช้างเจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ เป็นต้น

หลังจากชมถ้ำเทียนกุงเสร็จแล้วเราก็ล่องเรือกลับเข้าฝั่งระหว่างล่องเรือกลับเรารับประทานอาหารกลางวันแบบซีฟู๊ดบนเรือกินไปด้วยล่องเรือชมวิวไปด้วยช่างมีความสุขดีจัง แล้วเดินทางกลับสู่เมืองฮานอยถึงเมืองฮานอย เราเที่ยวชมวัดหง็อกเซินหรือวัดเนินหยก ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบบนเกาะหยก ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ สามารถข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงฮานอย ด้านในมีบรรยากาศร่มรื่นและมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่เฉิน ฮัง โด๋ว ผู้นำการต่อต้าน ราชวงศ์หยวนเมื่อ ศตวรรษที่ 13 และ ได้รับการซ่อมแซมในปี พ.ศ.1864 โดย ปราชญ์ลัทธิขงจื้อ ชื่อ หวัน เซิง และ เหงียน หวัน ซุย เสร็จจากวัดเนินหยกเราก็ข้ามถนนกลับมาช้อปปิ้งที่ถนน 36 สายค่ะ แล้วไปทานอาหารเย็นกลับที่พัก DELIGHT HOTEL โรงแรมเดิมที่เรานอนคืนแรกค่ะ

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สี่หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเดินทางสู่สนามบินนอยไบ

10.50 น. เหินฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน เวียดเจ็ทแอร์เที่ยวบินที่ VJ8911

12.40 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ…

ทัวร์เวียดนาม


บทความที่เกี่ยวข้อง