logo
image

icon-travel-2 ตามรอยดินแดน Avatar (อวตาร) ปี57

ตามรอยดินแดน Avatar (อวตาร) ปี57

พฤศจิกายน 26, 2018
แชร์ :

สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่านทริปนี้ เราจะพาทุกท่านไปตามรอยภาพยนตร์ อวตาร AVTAR กันค่ะ เชื่อว่าหลายๆท่านคงจะได้รู้จักกันมากเพราะ ภาพยนตร์ เรื่องนี้ โด่งดัง ในปี 2552 และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดังไปพร้อม ๆกัน และเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้มาสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติกัน โดยที่มีบริษัททัวร์ หลายๆบริษัทได้จัด โปรแกรมขึ้นมาเพื่อที่จะตอบสนอง ความต้องการของนักท่องเที่ยว และบริษัท SPIRIT OF THE WORLD ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ เปิดเส้นทางเส้นนี้ ขึ้นมา สำหรับตัวผู้เขียนเองอยากจะ แนะนำสถานที่ สำคัญๆ ของโปรแกรมนี้กัน ค่ะ เมื่อพูดถึงประเทศจีนทุกท่านก็จะรู้กันเป็นอย่างดีว่าเป็นประเทศที่มีประชากรเยอะที่สุด และมีถานที่ท่องเที่ยว มากมาย

สำหรับ สถานที่แรกเลยนะค่ะ เมืองโบราณฟ่งหวง หรือเมืองหงส์ ของเขตปกครองตนเองของชนเผ่าน้อยถู่เจียง ของมณฑลหูหนาน เมืองโบราณหงส์ตั้งอยู่กลางหุบเขาและมีแม่น้ำถั่วเจียง สองฝั่งแม่น้ำมีบ้านแบบโบราณที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันบนริมแม่น้ำ จุดเด่นของ เมืองนี้ อยู่ที่การนั่งเรือชมเมืองโบราณ และ การชมแสงสียามค่ำคืนของเมืองโบราณ เป็น จุดที่ ตัวของข้าพเจ้าเองคิดว่าสวยงามที่สุด อีกแห่งหนึ่ง

หมู่บ้านเมืองโบราณ ฟ่งหวงแห่งนี้ เมื่อเราล่องเรือเพื่อชมความงามตลอดสองข้างฝั่งจะมี ผู้หญิงหรือผู้ชาย ออกมาร้องเพลงเพื่อให้เราร้องเพลงตอบรับ มีตำนานเล่าว่า ในสมัยแต่ก่อน มีครอบครัวครอบครัวหนึ่งมีลูกชาย สองคนหน้าตาดีมาก น้องคนเล็กเป็นคนที่กล้าแสดงออก ส่วนพี่คนโตเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และ อีกครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวที่มีเพียงหญิงสาวกับพ่อ อาศัยอยู่ด้วยกัน หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่หน้าตาน่ารักสวยมาก ทำให้ สองพี่น้องตกหลุมรัก น้องคนเล็กเป็นคนที่กล้าเสดงออก ทุกๆวัน เค้าจะออกมาร้องเพลงริมแม่น้ำทุกวันๆ เพื่อให้หญิงสาว สนใจ ในสมัยนั้น (ผู้ชายกับผู้หญิงชอบกันให้ร้องเพลง) แต่หญิงสาว ก็ได้ไปแอบรักพี่ชายคนโต พี่ชายคนโตก็รักหญิงสาวคนนี้ แต่เป็นคนไม่แสดงออก น้องคนเล็กคนนี้ ก็ไปบอกพ่อว่าชอบหญิงสาวคนนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธ และก็ไม่รับรักจน ทุกคนมองออกว่าหญิงสาวคนนี้ได้ชอบพี่คนโต สุดท้ายพ่อของชายหนุ่มทั้งสองก็มีการให้ ทั้งสองมาร้องเพลงแข่งกันหากหญิงคนนี้ชอบเสียงร้องของใครก็ให้ไปแต่งงานด้วย ในคืนวันนั้นเองเกิดพายุแรง พอรุ่งเช้า น้องชายคนเล็กก็ออกมาร้องเพลงตามปกติ หญิงสาวก็ออกมาดู แต่ก็ไม่เจอพี่คนโต จนเวลาผ่านไปครึ่งเดือน หญิงสาวก็ออกตามหา กับน้องชายคนเล็ก สุดท้ายก็ทราบมาว่าพี่ชายได้หนีออกจากบ้านในคืนที่เกิดพายุทำให้เรือจมและเสียชีวิต เมื่อทั้งสองรู้ข่าวก็เสียใจ น้องคนเล็กก็รู้สึกผิดและได้ย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่อื่น ส่วนหญิงสาวก็ออกมาร้องเพลงที่ริมน้ำทุกวันเพราะคิดถึง พี่ชายคนโตที่เสียไปแล้ว…….

คืนนี้เราพักกันที่ โรงแรม KAISHENG HOTEL เป็นโรงแรมที่อยู่ติดกับหมู่บ้าน สามารถออกไปเดินเล่น ชมเมืองกลางคืนได้

สถานที่ต่อไปเราเดินทางออกจากเมืองโบราณฟ่งหวงเพื่อเดินทางสู่เมืองจางเจียงเจี้ยกันนะค่ะ เพื่อจะไปชม “วนอุทยานแห่งชาติเทียนเหมินซาน” กันคะ ระหว่างทางเรานั่งรถออกจาก เมืองฟ่งหวงไปเมืองจางเจียเจี้ยใช้เวลาประมา 4-5ชั่วโมงตลอดระยะทางเราจะสังเกตได้ว่าเราได้ลอดผ่านอุโมงค์เยอะมาก นั้นหมายถึงมีการขุดเจาะอุโมงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางในการผ่านภูเขาเพื่อย่นระยะทาง ถือได้ว่าเมืองจีนนี้ได้มีภูเขามากมาย ได้บรรยากาศ ธรรมชาติมากๆค่ะ ช่วงนี้อากาศจะอยู่ประมาณที่ 17 องศา อากาศกำลังดี แต่มีหมอกมาก เลยค่ะ และบางที่ก็จะมีฝนประปราย ระหว่างทางได้พาทุกท่านแวะทานข้าวที่เมืองฉางเต๋อ ไม่กี่อึดใจเราก็นำทุกท่านไปถึง อุทยานแห่งชาติ จางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน อุทยานแห่งชาติ จางเจียเจี้ย เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 เนื้อที่กว่า 9,500 ตารางกิโลเมตรของอุทยาน เต็มไปด้วยแท่งภูเขาหินทราย สูงๆ มากกว่า 3,000 ยอด สะพานหินตามธรรมชาติ น้ำตกใหญ่น้อยกว่า 40 แห่ง และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ อวตาล AVTAR ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เราต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบนอุทยาน ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีค่ะ หนึ่งกระเช้านั่งได้ 8 ท่านคะ

ขณะที่นั่งกระเช้าขึ้นไป ข้างบน มีหมอกมาก เลยค่ะ อากาศเย็นๆ กำลังดี ค่ะ เนื่องจากวันนี้มีหมอกมาก ทำให้มองไม่เห็นทัศนีย์ภาพบางจุดได้คะ หลังจากนั้น กลับลงมาลานเสดงโชว์นางจิ้งจอกขาวกับคนหาฟืน กันคะ เป็นการแสดงที่สุดยอด ที่สุดเป็นโชว์ที่อลังการงานสร้างจากผู้กำกับชื่อดังของเมืองจีน “จางอี้โหมว” เพราะสถานที่ที่ใช้ในการแสดงเป็นกลางแจ้ง ซึ่งฉากหลังเป็นประตูสวรรค์เทียนเหมินนั่นเอง โชว์นางจิ้งจอกขาวกับคนหาฟืน เป็นการเล่าเรื่องราวความรัก ระหว่างนางจิ้งจอกขาวกับคนธรรมดาคนหาฟืน ระหว่างการเล่าเรื่องราวโดยใช้เสียงเพลง และ แสงสีเสียง ซึ่งเรื่องราวของทั้งสองเป็นเรื่องราวของความรักที่เป็นเหมือนกับรักต้องห้าม ได้ถ่ายทอดออกมาจากนักแสงดงนับ 500 กว่าชีวิต ทำให้ ผู้ชม ไม่ต้องมีการแปลภาษา เพราะตัวนักเสดงได้ ถ่ายทอดออกมาและทำให้ตัวผู้ชมได้เข้าถึงเรื่องราว ทั้งหมด ได้เป็นอย่างดี

เก็บความประทับใจกลับไปนอนฝันดี พักร่างกาย เพราะพรุ่งนี้เราต้องเดินทางไป เทียนจื่อซาน อุทยานจางเจียเจี้ย วันนี้เราพักกันที่โรงแรม JIANGHAN HOTEL เราพักที่โรงแรมนี้ 3 คืนค่ะ

เราก็ นำท่านเที่ยวชมทิวทัศน์ ภาพเขียน 10 ลี้ (นั่งรถไฟเล็กไป-กลับ) เป็นเขตช่องแคบที่มีทัศนียภาพงดงามแห่งหนึ่ง มียอดเขาแปลกพิสดาร และหินยักษ์ที่มีรูปร่างลักษณะต่างๆ มากกว่า 200 ลูก และให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจ ซึ่งต้องใช้จิตนาการในการมอง ว่าเขาแต่ละลูกเป็นรูปไรบ้าง ค่ะ

คณะเราก็ออกเดินทางไปยังทะเลสาบเป่าเฟิงหู เป็นทะเลสาบที่อยู่ในหุบเขา ในการเดินเข้าไปข้างในทะเลสาบใช้เวลาเดินขึ้นเขาทางลาดชันประมาณ 30 นาที ระหว่างทางเป็นเส้นทางที่รายล้อมด้วยเขาต่างๆ สวยงามและบรรยากาศดี

ในการล่องเรือชมใช้เวลาประมาณ 15 นาที ตลอดการล่องเรือสองข้างทางก็จะมี เขาหินที่มีรูปร่างต่างๆให้เราได้จิตนาการตามไปด้วยกับการล่องเรือ หลังจากนั้นเรากลับเข้าไปพักผ่อนกันที่โรงแรมเดิมกันค่ะ

ตื่นเช้ากับบรรยากาศที่สดใสวันนี้เราจะพาทุกท่านไปชม ถ้ำหวงหลงต้ง หรือที่เรียกกันว่าถ้ำพญามังกร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยมากมาย และถูกประดับตกแต่งแสงสีสวยงาม ถ้ำ มีความยามประมาณ 30 กิโลเมตร แต่เปิดให้เข้าชม เพียง 5 กิโลเมตร ภายในถ้ำมีอากาศเย็นมีน้ำที่ไหลจากหินย้อย ทำให้อากาศภายในถ้ำมีความเย็น ถ้ำพญามังกร ที่ได้ชื่อนี้เพาะมีความเชื่อว่าถ้ำนี้เคยเป็นที่อาศัยของมักกรหากใครได้ไปถ้ำนี้ก็จะถือได้ว่าได้ลอดท้องมังกรด้วย

คณะเราก็ออกเดินทางกันต่อกันที่ เทียนจื่อซาน อุทยานจางเจียเจี้ย นำท่านเที่ยวชมทิวทัศน์ เขาเทียนจื่อซาน หรือ เขาจักรพรรดิ์ เต็มไปด้วยชะง่อนผาอันสูงชัน และป่าหิน มีหินยักษ์ในรูปลักษณะแปลกตา จุดเด่นของเขาเทียจื่อซานคือ เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว (สะพานใต้ฟ้าอันดับ 1) มีทิวทัศน์ที่สวยงามและเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่องเราขึ้นลิฟท์แก้ว ไปยังข้างบนอุทยานค่ะ

สะพานแห่งนี้ มีความเชื่อเรื่องของความรัก จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวไปคล้องกุญแจ ระหว่างทางเดินของสะพานนี้ เพราะมีความเชื่อว่าหากคู่รักคู่ไหนได้เดินขึ้นมาและคล้องกุญแจจะทำให้รักนั้นยืนยาว เดินทางในอุทยานอ้อมหุบเขาไปต่อกันเลยนะค่ะเราใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1-2 ชั่วโมงระหว่างทางก็จะมีจุดแวะพักให้นักท่องเที่ยวได้ พักเนื่องกันและแต่ละจุดก็จะมี ของขายกันให้นักท่องเที่ยวได้หาซื้อกัน ค่ะ

ไปกันต่อที่ สวนสาธารณะเฮ่อหลง สวนแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1986 เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายพลเฮ่อหลง แห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นชาวสี่เจียและมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณนี้

คณะกลับมาขึ้นเครื่องที่เมืองฉางซา เพื่อกลับกรุงเทพ ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างทางจะมีถนนคนเดินหวงซิง ให้ท่านได้แวะซื้อของฝาก จากนั้นคณะเดินทางไปสนามบิน

หลังจากได้ของฝากติดไม้ติดมือแล้วก็ออกเดินทางไปยังสนามบินเมืองฉางซากันค่ะ สุดท้ายนี้ตัวผู้เขียนเองต้องขอขอบคุณไกด์ท้องถิ่นที่ใช้ความรู้ในสถานที่ต่างๆ และขอบคุณลูกทัวร์ทุกท่านที่น่ารักทุกๆคนเลยและหวังว่า โอกาสหน้า SPIRIT OF THE WOTLD คงจะได้ให้บริการในทริปต่อไปนะค่ะ

เก็บมาฝากจากเมืองฉางซา มณฑลหูหนาน

เกือบลืมไปเลยค่ะ ว่าของอีกอย่างหนึ่งถ้ามาที่นี้แล้วไม่ควรพลาดเมื่อมาถึง เมืองฉางซา มลฑลหูหนาน นั่นก็คือ เต้าหู้เหม็นค่ะ เหม็นสมชื่อค่ะ แต่พอเวลาทานอร่อยมากค่ะ เป็นของขึ้นชื่อ ที่นี้เลยนะคะ เห็นอย่างนี้เจ้าเต้าหู้เหม็นนี้ก็มีตำนานเหมือนกัน สมัยก่อนมีการสอบจอมหงวน ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุ 25 ปี ก็ได้เข้าสอบด้วยแต่เค้ามีฐานะยากจน สอบหลายรอบมากแต่ก็ไม่ผ่านซักที เค้าไม่มีเงินติดตัวจึงไปขาย เต้าหู้ แต่ก็ขายไม่หมด เต้าหู้ก็เน่าและขึ้นรา ออกมา และเป็นสีดำ แต่เวลานั้นเค้าไม่มีเงิน จึงต้องจำใจกินเต้าหู้นั้น เค้าใช้มีดปลอกส่วนที่ขึ้นรา และมีสีดำออกเหลือแต่เนื้อสีขาวๆ และนำไปทอดจนกรอบ เค้าได้กินคำแรกก็รู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมรถชาติอร่อยอย่างนี้ เค้าจึงนำไปให้เพื่อนๆชิมเพื่อนก็บอกว่า อร่อยหลังจากนั้นเค้าก็ได้ ออกมาขายเต้าหู้เหม็นอย่างเต็มตัวและมีชื่อเสียงไปทั่ว จนถึงปัจจุบัน

ทัวร์จีน


บทความที่เกี่ยวข้อง