logo
image

icon-travel-2 กระบี่…ไร้เทียมทาน

กระบี่…ไร้เทียมทาน

ธันวาคม 9, 2019
แชร์ :

“สำหรับผมแล้วการเดินทางคือ การเรียนรู้และยังเป็นการเพิ่มประสบการณ์การเดินทางในชีวิตของผมด้วย ดังนั้นการเดินทางผมยังคงดำเนินต่อไปในรูปแบบของมัน ตามวัน เวลา ที่เหมาะสมและความสะดวกในการดำรงชีวิต สายลมหนาวกำลังจะจางหายไป ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนบรรยากาศจาก ยอดดอย ยอดภู มุ่งหน้าสู่ทะเลแดนใต้ ที่ใครๆก็รู้จักนั่นก็คือ “จังหวัดกระบี่” แต่สำหรับตัวผมเองแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เดินทางไปจังหวัดกระบี่ หลังจากเกือบได้ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทีนี้ถึงคราวที่จะได้ไปจริงๆสักที ผมจัดการเตรียมตารางวันหยุด เพื่อเตรียมตัวเดินทาง

ทริปนี้เป็นทริปแรกของผมในปี 2561 และทริปนี้ผมเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน(เครียดจัง) เพื่อจะได้ประหยัดเวลา หลังจากจองตั๋วเครื่องบินเสร็จแล้วผมก็ทำการจองห้องพักต่อ ผมเลือกจอง Hostel ราคาถูกย่านอ่าวนาง เพื่อทุกอย่างพร้อมสรรพแล้วหลังจากนี้ผมก็แค่นับวันเวลาให้ถึงวันเดินทางเร็วๆ ระหว่างที่นั่งนับวันรอผมก็ทำการข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่

ทริปนี้ผมตั้งใจไปเที่ยวที่ “เกาะรอก และเขาหงอนนาค” แค่สองที่ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่มีชื่อเสียงไว้มีโอกาสผมค่อยเดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไหนๆก็มีโอกาสไปเที่ยวทะเลที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลกแล้วก็ต้องลงทุนกันหน่อย

ผมตัดสินใจถอยกล้อง Action Camera ใหม่เลยครับ รุ่นใหม่ล่าสุด GoPro Hero 6(หมดตัว) อุปกรณ์สำหรับการเดินทางครั้งนี้พร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว ดังนั้นหนึ่งวันก่อนออกเดินทางผมจัดจัดสัมภาระของผมทุกอย่างลงกระเป๋า

เปลี่ยนบรรยากาศจากเข้าป่า ขึ้นเขาขึ้นดอย ไปสัมผัสบรรยากาศทะเลดูบ้าง

วันที่ 26 มกราคม 2561” และในที่สุดวันที่ผมรอคอยนานนับเดือนก็มาถึงจนได้ แต่ถึงยังไงก็แล้วแต่ผมยังคงต้องไปทำงานก่อนออกเดินทาง เนื่องจากเที่ยวบินที่ผมจองออกจากสนามบินดอนเมืองตอนเวลา 18:40 น.

เวลา 14:03 น.” วันนี้ผมเลิกงานเร็วกว่าปกติเพื่อเผื่อเวลาเตรียมตัวเดินทางไปสนามบินเนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันที่รถติดมากวันหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจากที่ทำงานกลับถึงบ้านผมย่านสายไหมซึ่งใกล้สนามบินดอนเมือง พอกลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำ ตรวจเช็คสัมภาระอีกครั้งก่อนออกเดินทาง

เวลา 16:13 น.” ผมขึ้นรถแท็กซี่จากบ้านพักของผมมุ่งหน้าสู่สนามบินดอนเมือง

ช่วงเวลาที่ผมออกจากบ้านนั้นการจราจรก็เริ่มติดขัดแล้ว ผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงสนามบิน ผมรีบเดินไปเช็คเที่ยวบินและทำการ Check in และเข้าประตูไปรอเครื่องออกที่หน้าประตูทางขึ้นเครื่องบิน พลางนั่งทำใจนี่เราจะบินแล้วเหรอเนี่ยใจเต้นรัวๆ นั่งรออยู่สักพักทางสายการบินก็ประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินได้

เวลา 18:50 น.” เครื่องบินทำการ Take Off บินตรงจากสนามบินดอนเมืองสู่จังหวัดกระบี่ ปิดโทรศัพท์มือถือแป๊บ เจอกันที่กระบี่ครับ !

ผมบอกตรงๆเลยนะระหว่างที่เครื่องกำลังอยู่น่ะ ผมนี่โคตรอยากสะกิดถามพนักงานตอนรับบนเครื่องเลยว่าเมื่อไหร่จะถึง

เวลา 20:00 น.” เครื่องบินก็พาผมมาถึงสนามบินนานาชาติจังหวัดกระบี่ จากนี้ผมต้องเดินทางต่อไปยังที่พักที่ตั้งอยู่แถวอ่าวนาง ผมเดินออกมาจากประตูมุ่งหน้าไปยังจุดจำหน่ายตั๋วรถ Shuttle Bus เพื่อซื้อตั๋วไปลงที่อ่าวนาง พนักงานขายตั๋วจะถามเราด้วยว่าจะลงที่ไหนและเขาจะไปส่งยังที่พักที่ผู้โดยสารแต่ละคนจองไว้ สนนราคาอยู่ที่ 150 บาทครับ

ถ้านั่ง Shuttle Bus จากสนามบินต้องทำใจหน่อยนะครับเนื่องจากรถต้องจอดส่งผู้โดยสารเป็นระยะๆ

เวลา 21:15 น.” ผมเดินทางมาถึงที่พักของผมแล้ว ดูจากโลเคชั่นแล้วค่อนข้างสะดวกสบายมาก ของกิน ร้านสะดวกซื้อ เค้าเตอร์ทัวร์ ก่อนอื่นผมขอเข้าไปทำการ check in ก่อนนะครับ

ผมพักที่นี่ครับ “iDeal Bed Hostel” เป็นห้องพักแบบนอนรวม เป็นเตียงสองชั้น

ห้องหนึ่งนอนกัน 4 คน ห้องน้ำรวมแต่มีหลายห้อง มีล็อคเกอร์เอาไว้เก็บของ หลังเช็คอินเสร็จ เก็บสัมภาระเข้าที่เรียบร้อยผมก็เดินออกไปหาซื้อทัวร์เพื่อไปชมความสวยงามของทะเลกระบี่ ซึ่งบริเวณที่ผมพักนั้นมีโต๊ะทัวร์ให้บริการมากมาย เราสามารถเลือกได้ เปรียบเทียบราคาได้ ตามความพอใจของเราเลย แต่สำหรับผมนั้นก่อนมาทริปนี้ผมฝากให้เพื่อนช่วยดูไว้ให้แล้ว ผมจึงแค่โทรติดต่อสอบถามและต่อรองราคากัน

เคาะราคากันอยู่ที่ 2,000 บาทรวมหมดทุกอย่างไม่ต้องจ่ายเพิ่ม มีดำน้ำ เกาะรอกใน เกาะรอกนอก และเกาะห้า อาหาร รถรับส่ง รวมถึงอุปกรณ์ในการใช้ดำน้ำตื้น เสร็จสิ้นจากการซื้อทัวร์ก็ต้องเติมพลังกันสักหน่อย ผมเดินกลับมาจากการซื้อทัวร์และแวะกินข้าวเย็นตอนเวลา 4 ทุ่มกว่าๆ ใกล้ที่พัก

อาหารมื้อนี้ของผมก็ง่ายๆครับ ข้าวผัดปูไม่ใส่ผักใดๆทั้งสิ้น หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็เดินกลับไปยังที่พักเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนเพราะพรุ่งนี้เช้ารถมารับไปทัวร์เกาะรอกตอนเวลา 6:50 น. แต่ไม่เกิน 7 โมงเช้า

เวลา 00:34 น.” ตามจริงแล้วนี่ก็คือวันใหม่แล้วนะ ฮ่าๆ ได้เวลานอนแล้วครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้าตอนออกไปทัวร์นะครับ Good Night

วันที่ 27 มกราคม 2561 เวลา 06:00 น.” นาฬิกาปลุกส่งเสียงเรียกให้ผมตื่นเพื่อเตรียมตัวออกไปทัวร์เกาะรอก เกาะห้า ตามที่ผมที่ผมตั้งใจไว้(ได้ไปสักที) อาบน้ำเตรียมอุปกรณ์สำหรับออกทัวร์ให้พร้อม ปกติเวลาทำงานที่โรงแรมทุกเช้าผมมักจะเห็นลูกค้าที่โรงแรมลงมายืนรอรถมารับไปออกทัวร์ถึงตอนนี้ผมต้องมายืนรอบ้างซึ่งมันทำให้ผมเข้าใจอะไรๆ หลายๆอย่าง มากขึ้น

เวลา 07:03 น.” หลังจากรอมาสักพักในที่สุดรถก็มารับผมไปยังท่าเรือแหลมกรวด ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ขอนอนพักบนรถสักครู่นะครับ เมื่อคืนมาถึงก็ดึกและวันนี้ต้องตื่นเช้าอีก แล้วเจอกันที่ท่าเรือแหลมกรวดครับ

เวลา 08:12 น.” ถึงแล้วท่าเรือแหลมกรวด คนขับรถและไกด์นำเราไปยังจุดลงทะเบียนเพื่อทำการเช็คอินและนับจำนวนลูกทัวร์ทั้งหมดในวันนี้ ผมเป็นกลุ่มแรกที่มาถึงที่ท่าเรือแหลมกรวด

ลูกทัวร์กลุ่มผมทยอยกันเช็คอินจนครบ จากนั้นก็ไปกินข้าวเช้าที่ทางบริษัททัวร์จัดไว้ให้ เติมพลังก่อนออกเดินทาง ผมนั่งรอลูกทัวร์ที่เหลือมาให้ครบ

ระหว่างรอลูกทัวร์คนอื่นๆอยู่นั้น ไกด์ก็ได้อธิบายโปรแกรมทัวร์ของวันนี้ให้เราฟังกันคร่าวๆก่อน โปรแกรมทัวร์ของเราในวันนี้จะเริ่มจาก

  • นั่งเรือมุ่งหน้าสู่เกาะรอกนอกพักผ่อนประมาณ 20 นาที ถ่ายรูป พักเข้าห้องน้ำ
  • Snokeling จุดที่ 1 ที่จุดหลักเขตแดน
  • Snokeling จุดที่ 2 ที่จุดบ้านปลานีโม
  • พักกินข้าวเที่ยง
  • Snokeling จุดที่ 3 ที่เกาะห้า
  • เดินทางกลับท่าเรือแหลมกรวดและกลับที่พัก

ก็จะประมาณนี้แหละครับ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอลูกทัวร์ที่เหลือมาให้ครบก็พร้อมออกเดินทาง ลูกเรือเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์สำหรับนักท่องเที่ยวให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

เวลา 09:00 น.” ลูกทัวร์มาครบกันทุกคนแล้ว เริ่มออกเดินกันได้ Let’t Go Go Go !!!!

ไกด์แจ้งว่าจะใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือแหลมกรวดถึงเกาะรอกประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที นานขนาดนี้ผมขอตัวนอนพักเอาแรงก่อนดีกว่าเจอกันที่เกาะรอกนะครับ

ลูกทัวร์บางส่วนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันในทริปนี้ครับมีทั้ง คนไทย คนจีน ฝรั่ง คนเกาหลี ขอตัวไปงีบจริงๆละ ฮ่าๆ

เวลา 10:30 น.” หลังจากหลับไปบ้าง ตื่นบ้าง ในที่สุดผมก็นั่งเรือมาถึงเกาะรอกแล้ว เกาะรอกมี 2 เกาะคือ เกาะรอกนอกและเกาะรอกใน อยู่ในเขตการดูแลของหน่วยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

ในเมื่ออยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติผมก็ไม่ลืมที่จะประทับตราอุทยานแห่งชาติได้เพิ่มอีก 1 ที่แล้ว เราจะพักกันที่เกาะรอก 20 นาทีก่อนที่จะออกไปดำน้ำกัน ส่วนใครอยากจะถ่ายรูป เดินเล่น หรือเล่นน้ำก็ได้

ที่เกาะรอกเนี่ยทางไกด์บอกกับผมว่าคนน้อยสุดแล้วเมื่อเทียบกับ เกาะพีพี ทะเลแหวก

เวลา 10:55 น.” ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดดำน้ำจุดแรกของวันนี้กันแล้วครับ นั่นก็คือ จุดดำน้ำเสาหลักเขต ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะรอกนอกประมาณ 3 นาที เอาละครับได้เวลาไปสัมผัสบรรยากาศโลกใต้น้ำกันแล้วตามมาดูด้วยกันครับ

นักท่องเที่ยวทยอยลงไปดำน้ำแบบ Snokeling กันแล้วครับ ผมมีเวลา 45 นาทีกับการดำน้ำแบบ Snokeling ตรงจุดแรกนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ

ที่จุดดำน้ำเสาหลักเขตนั้นมีปลาหลากหลายสายพันธุ์มาก แต่ปลาบริเวณนี้ยังดำรงชีวิตแบบธรรมชาติ ไม่มีการให้อาหารปลาเพื่อให้มารวมตัวกันเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ดังนั้นเมื่อเหล่าฝูงปลาเจอนักท่องเที่ยวก็จะว่ายน้ำหนีกันไปหมด

ผมว่ายน้ำสอดส่ายสายตาไปเรื่อยๆ จนผมได้มาเจอกับเจ้าปลานีโม่

เวลาแห่งความสนุก ตื่นเต้น มักสั้นเสมอ ไม่ทันไรไกด์ก็ว่ายน้ำมาเรียกผมกลับเรือ แล้วเดินทางต่อไปยังจุดที่ 2 ของวันนี้ จุดดำน้ำบ้านปลานีโม่

เวลา 11:15 น.” เรานั่งเรือจากจุดดำน้ำที่แรก จุดเสาหลักเขตอีกนิดเดียวก็ถึงจุดดำน้ำจุดที่สองของวันนี้ที่ผมบอกไปเมื่อข้างต้น จุดดำน้ำบ้านปลานี่โม่ เรือจอด สวมใหญ่อุปกรณ์ให้พร้อม ลงไปดำน้ำแบบ Snokeling กันต่อเถอะครับ

ไหนๆ เจ้าปลานีโม่ ออกมาให้ข้าเห็นซะเดี๋ยวนี้ จงออกมาๆ

และแล้วเจ้าปลานีโม่ก็ออกมาให้ผมยลโฉม ว่ายเล่นกับดอกไม้ทะเล วนไปวนมา ดูแล้วเพลินตามากเลยครับ

ผมว่ายน้ำชมบรรยากาศโลกใต้น้ำอย่างเพลิดเพลินใจ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก

เมื่อเพลิดเพลินกับการชมบรรยากาศโลกใต้น้ำจนหนำใจแล้ว ผมก็กลับขึ้นเรือ และไกด์ก็นำพวกเรากลับไปยังเกาะรอกนอก เพื่อไปกินข้าวมื้อกลางวัน

เวลา 12:30 น.” ผมนั่งเรือมาถึงเกาะรอกนอก จากนั้นไกด์ก็นำนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปกินข้าวกัน

อาหารมื้อกลางวันเป็นแบบ Buffet มีกับข้าวประมาณ 4-5 อย่าง เครื่องดื่มนานาชนิดยกเว้นแอลกอฮอล์ มีผลไม้ กรุ๊ปเรามีเวลาในการกินมื้อกลางวันและพักผ่อนตามอัธยาศัยประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นไกด์จะพาเราไปดำน้ำกันต่อที่จุดสุดท้าย หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จด้วยความที่ไปคนเดียวผมจึงเดินไปหามุมเงียบๆนั่งเล่น นั่งพักผ่อน เอาเรื่องที่ไม่สบายใจปล่อยไว้ที่ทะเลให้มันลอยไปกับสายน้ำ

นั่งรอเวลาให้มันผ่านไปเพื่อจะได้ไปดำน้ำที่จุดสุดท้าย บอกตรงๆเลยครับว่าทริปนี้อารมณ์การถ่ายภาพของผมหายไปไหนก็ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เยอะมาก ทำให้บดบังวิวทิวทัศน์ที่เราต้องการก็เป็นได้หรือว่าเราอาจจะหนื่อยล้าจากการเดินทางก็มีส่วน

เวลา 13:32 น.” ไกด์เรียกนักท่องเที่ยวกรุ๊ปผมรวมตัวเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปกันต่อที่ เกาะห้า ใช้เวลาเดินทางจากเกาะรอกนอกที่เราพักกินข้าวมื้อกลางวันไปประมาณ 40 นาที นอนซิครับรออะไร หนังท้องดึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เจอกันที่เกาะห้านะครับ

เวลา 14:12 น.” มาถึงเกาะห้าแล้ว ที่เรียกว่า เกาะห้า ผมคิดว่าเรียกตามลักษณะภูมิประเทศบริเวณนั้น ที่มีเกาะอยู่บริเวณนั้นทั้งหมด 5 เกาะ

1 ใน 5 เกาะของบริเวณเกาะห้าครับ ส่วนเกาะอื่นก็ตั้งอยู่เรียงรายกันอยู่บริเวณใกล้กันนี่แหละครับ

นักท่องเที่ยวจากกรุ๊ปทัวร์อื่นๆ กำลังดำผุดดำว่ายกันอย่างหนาตา ที่เกาะห้ายังมีชายหายเล็กๆด้วย

เดี๋ยวจะว่ายน้ำไปที่ชายหาดของเกาะห้า ว่าแล้วรีบสวมใส่อุปกรณ์ทันที แล้วก็กระโดด ตู้มๆ

ทันทีที่ผมได้ลงน้ำ เอาหน้าจุ่มน้ำ เพื่อดำน้ำแบบ Snokeling ผมก็เห็นได้เจ้าปลาหมึกตัวใหญ่ลอยตัวนิ่งอยู่ใต้น้ำครับ

ตอนแรกผมก็มองไม่เห็นหรอกแต่มีลุงฝรั่งชี้ให้ผมดู กราบขอบคุณอย่างสูงนะครับ ถ่ายรูปยาวไปเลยครับ นานๆจะได้เห็นแบบนี้สักครั้ง ผมว่ายน้ำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังชายหาดของเกาะห้า แต่ทันใดนั้นผมได้เจอเจ้าปลาไหลมอเร่ย์ตัวใหญ่ว่ายออกมาอวดโฉมให้ผมได้เห็นเป็นบุญตา

เป็นการดำน้ำแบบ Snokeling ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในการดำน้ำของผมเลยก็ว่าได้ครับ ที่เกาะห้านี้ปะการังยังถือว่าสมบูรณ์พอสมควรครับ มีทั้งปลาดาว ปลิงทะเล และปลามากมายหลายชนิด

ผมว่ายน้ำมาจนถึงชายหาดห้าแล้วครับ นั่งพักแป๊บหนึ่งก่อน

ผมนั่งเล่นที่ชายหาดเกาะห้าอยู่ประมาณ 5 นาทีผมก็ลงน้ำเพื่อไปดำน้ำแบบ Snokeling ต่อ แต่ขณะที่ผมกำลังดำน้ำแบบ Snokeling อยู่นั้นได้ยินเสียงไกด์ตะโกนให้กลับขึ้นเรือ ผมจึงรีบว่ายน้ำกลับไปยังเรือ

พอมาถึงที่เรือผมถามลูกเรือและไกด์ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเรียกขึ้นเรือทั้งๆที่เพิ่งลงไปได้ไม่นาน ไกด์และลูกเรือให้เหตุผลว่าคลื่นในทะเลเริ่มแรงและ เป็นห่วงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจึงต้องกลับก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งผมเข้าใจได้ในเหตุผลของเขานะ อีกอย่างผมก็หมดแรงแล้วด้วยล่ะ ฮ่าๆ

เวลา 14:41 น.” หลังจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการดำน้ำแบบ Snokeling ทางไกด์จึงพาเราเดินทางกลับสู่ท่าเรือแหลมกรวดซึ่งถือว่าโปรแกรมทัวร์วันนี้เสร็จสิ้นแล้ว จากนี้ก็นั่งเรือกันยาวๆเลยครับ

เวลา 16:00 น.” ผมกับกรุ๊ปทัวร์เดินทางกลับมาถึงท่าเรือแหลมกรวด จากนั้นก็นั่งรอรถตู้ไปส่งผมที่โรงแรม

เวลา 17:12 น.” ชั่วโมงเศษๆ จากท่าเรือแหลมกรวดผมก็เดินทางมาถึงโรงแรมที่พักของผมแล้ว เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้ารีบไปอาบน้ำและจะได้ออกมาหาของกินเพื่อเติมพลังสักหน่อย แต่พออาบน้ำเสร็จก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยนะครับ เพราะความเหนื่อยล้ามันฉุดรั้งไม่ให้ผมลุกออกจากเตียงผมจึงนอนพักผ่อนอยู่สักชั่วครู่หนึ่ง

เวลา 19:00 น.” ได้เวลาออกหาของกินมื้อค่ำกันแล้ว วันนี้ผมตั้งใจไปเดินหาของกินบริเวณหน้าหาดอ่าวนางดูบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะย่านริมหาดอ่าวนางส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขายของที่ระลึก ผมจึงเดินย้อนกลับไปที่โรงแรมและนั่งกินผัดไทร้านข้างโรงแรมนั่นแหละ จบปิ้ง หลังจากกินข้าวเสร็จก็ต่อด้วยยอดข้าวสัก 2 กระป๋องก่อนนอน ผมนั่งดื่มบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมที่ผมพักนั่นแหละครับ พลางดูทีวีไปด้วย จนถึงเวลาอันเหมาะสมผมก็เข้านอนเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้

เวลา 22:35 น.” ถึงเตียงแล้ว ผมขอตัวนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนนะครับ เพราะพรุ่งนี้ผมมีโปรแกรมไปเขาหงอนนาค แล้วเจอกันอีกทีพรุ่งนี้ตอนเช้านะครับ Good Night

วันที่ 28 มกราคม 2561 เวลา 07:00 น.” เสียงนาฬิกาปลุกดังอีกแล้ว ผมต้องตื่นแล้ว ผมลุกขึ้นจากเตียงนอนไปล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไป เขาหงอนนาค

เวลา 08:14 น.” ผมลงมาเพื่อทำการ Check out ฝากสัมภาระไว้ที่โรงแรมและนำแต่สิ่งของที่จำเป็นติดตัวไปเท่านั้น ฝากของเสร็จแล้วผมจึงเดินไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ที่ร้านที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมที่ผมพักนี่แหละครับ

จัดไป Honda Zoomer X สนนราคาค่าเช่าอยู่ที่วันละ 200 บาท/วัน ค่ามัดจำ 3,000 บาท ใช้ได้ 24 ชั่วโมง แต่ผมคงคืนรถก่อนเพราะวันนี้ผมต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯแล้ว ไปลุยกันเลยครับ จากอ่าวนางไปเขาหงอนนาคใช้เวลาประมาณ 30 นาทีสำหรับคนที่ชำนาญเส้นทาง แต่ผมคิดว่าผมน่าจะนานกว่านั้นแน่นอน ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปเขาหงอนนาคโดยการใช้ Google Map เป็นตัวนำทาง แล้วก็หลงทางอีกเช่นเคย ผมจึงถามชาวบ้านแถวนั้น ทีนี้น่าจะรู้ละ และในที่สุดก็เจอป้ายบอกทาง

การขี่รถไปเขาหงอนนาคด้วยตัวเองนั้นต้องหมั่นสังเกตุป้ายบอกทางให้ดีๆ เขาหงอนนาคตั้งอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี (ด่านทับแขก)

เวลา 09:03 น.” ผมเดินทางมาถึงทางขึ้นเขาหงอนนาคแล้ว พอมาถึงก็จอดรถ เตรียมน้ำดื่ม และไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ เสร็จแล้วก็เดินขึ้นกันเลยครับ

เขาหงอนนาคเป็นยอดเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 500 เมตรและเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับที่ 40 ของประเทศในบรรดายอดเขาทั้งหมด ข้างบนเป็นจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์และเกาะแก่งต่างๆ ที่อยู่ในทะเล ระหว่างทางยังมีพันธุ์ไม้ต่างๆให้เราได้ชมด้วย ไปกันต่อครับจะได้มีเวลากลับไปทำอย่างอื่นด้วย

เวลา 09:15 น.” ผมเริ่มออกเดินทางจากจุดลงทะเบียนนักท่องเที่ยวเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ

เส้นทางเดินขึ้นเขาหงอนนาคมีทั้งราบและชันสลับกันไป ใครที่ไม่เคยเดินขึ้นยอดภูเขาควรเตรียมร่างกายให้พร้อมในการเดินขึ้นเขาหงอนนาคนะครับ

ผมขอเวลาตั้งหน้าตั้งตาเดินก่อนนะครับ หากเจออะไรสวยๆงามจะถ่ายรูปมาฝากให้เพื่อนได้ดูกันนะครับ ฮึบๆ ผมเดินมาจนถึงช่วงที่เป็นบันไดไม้

ดูจากสายตาแล้วถ้าไม่มีบันไดทางคงน่าจะชันและลำบากน่าดูเลย ยิ่งผมยิ่งเดินขึ้นสูงเท่าไหร่ผมก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่น ชื่นใจ และได้เห็นพวกมอส เฟิร์น ด้วย

มอสอันนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็น มอสพรหมฤาษี ที่ผมเคยเห็นตอนไปที่ยวที่ดอยอินทนนท์ รวมถึงยังมีเห็ดนานาชนิด

ถึงตอนนี้แล้วผมคิดว่าผมเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว บอกกับตัวเองเสมอว่าอีกนิดเดียวๆ จนผมได้มาเจอจุดที่เป้นบันไดไม้จุดที่ 2

ช่วงนี้ทางถือว่าชันเอามากๆครับ ผมหยุดพักตรงด้านบนสุดของบันไดครับ พอผมหายเหนื่อยผมก็เดินทางต่อ ผมเดินทางมาถึงจุดชมวิวเขาหงอนนาคจุดแรกครับ

หายเหนื่อยไม่อีกนิดหนึ่ง มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้ถึงจุดสูงสุดของเขาหงอนนาคแล้ว ไปกันต่อดีกว่าครับ

เห็นป้าบอกทางแล้วรู้สึกชื่นใจยังไงบอกไม่ถูกเลย อีกแค่นิดเดียว

เวลา 11:50 น.” ในที่สุดก็ทำได้ เดินมาถึงจุดชมวิวเขาหงอนนาคแล้ว เย้ๆ

จากจุดชมวิวตรงนี้ขณะที่กำลังตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูปตัวเองกับวิวด้านบนเขาหงอนนาคกล้องผมดันตกลงมา ผมนี่อึ้งไปเลยเพราะเลนส์มันแตกตรงเกลียวที่ล็อคติดกับตัวกล้อง(ทำเอาผมเครียดเลย) และจากตรงนี้ผมต้องเดินไปอีกหน่อยหนึ่งถึงจะถึงจุดสูงสุดของยอดเขาหงอนนาค ที่เป็นชะง้อนหินยื่นออกมาตามรูปอ่ะครับ

จะออกไปแตะขอบฟ้า ผมใช้เวลาดื่มด่ำกับความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าผมอยู่สักระยะหนึ่ง เพื่อให้คุ้มกับความเหน็ดเหนื่อยที่เดินขึ้นมา

เวลา 12:35 น.” ผมตัดสินใจเดินทางลงจากยอดเขาหงอนนาคเพื่อเดินทางกลับครับ

เวลา 13:45 น.” ผมเดินกลับมาถึงด้านล่างแล้ว เหนื่อยใช่เล่นเหมือนกันครับ ผมเดินไปลงเวลาขากลับกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการยืนยันว่าผมกลับลงมาด้านล่างแล้ว ที่เขาหงอนนาคเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี รู้แบบนี้แล้วรออะไรครับ ประทับตราอุทยานแห่งชาติกันซิครับ

ได้เพิ่มอีก 1 ที่แล้ว หลังจากเสร็จสิ้นการเที่ยวชมเขาหงอนนาค ผมขี่รถกลับไปยังโรงแรมที่ผมพักย่านอ่าวนางเพื่อนั่งรอเวลาที่จะไปสนามบิน

เวลา 14:34 น.” ผมเดินทางกลับมาถึงย่านอ่าวนางก่อนอื่นผมขอไปหาข้าวกินก่อนดีกว่าเพราะว่าตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย ผมแวะกินข้าวที่ศูนย์อาหารมื้อนี้ผมสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นมากิน

เวลา 15:00 น.” ผมกินข้าวเสร็จแล้วตอนนี้ผมกลับมาถึงโรงแรมที่ผมพักแล้ว(Checked out) และไปรับกระป๋องที่ฝากไว้แล้วนั่งรอเวลายาวไปครับ ระหว่างนั่งรอเวลาไปสนามบินอยู่นั้น ผมตัดสินใจนำรถที่เช่ามาไปคืนเพราะจอดไว้ก็ไม่ได้ใช้เอาไปคืนที่ร้านดีกว่า ขาเดินกลับมาจากการคืนรถผมก็จัดการจองรถ Shuttle Bus ที่โต๊ะทัวร์หน้าโรงแรมนั่นแหละครับ

ราคาเดิมครับ 150 บาท ผมเตรียมตัวเดินทางกลับพร้อมแล้ว รอแค่ให้เวลามาถึงก็จะถึงเวลากล่าวคำลากระบี่แล้ว ระหว่างนั่งรอรถมารับผมไปซื้อเบียร์มากินย้อมใจสักหน่อย ตอนขึ้นเครื่องจะได้ไม่กลัว

เวลา 18:30 น.” รถ Shuttle Bus มารับผมที่หน้าโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติจังหวัดกระบี่ สำหรับ Flight ผมวันนี้เวลา 20:20 น.

เวลา 19:30 น.” ผมเดินทางมาถึงสนามบิน ผมเดินเข้าสนามบิน ตรวจกระเป๋า เช็คความเรียบร้อยทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็ไปนั่งรอพนักงานสายการบินเรียกขึ้นเครื่องบิน ขณะที่ผมนั่งรอเครื่องออกอยู่ที่สนามบินอยู่นั้นดันเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายใจในการขึ้นเครื่องบินหนักเข้าไปอีก

เวลา 20:50 น.” พนักงานสายการบินประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินได้แล้ว ขากลับผมได้นั่งเกือบท้ายสุดของลำเครื่องบินเลย

ถึงเวลากล่าวคำร่ำลาจังหวัดกระบี่แล้วผม ขอบคุณทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นกับผมที่นี่ทั้งเรื่องดีและไม่ดี มีโอกาสผมจะกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งแน่นอน เครื่องกำลังจะออกละ เจอกันที่กรุงเทพฯ ครับ

เวลา 22:00 น.” ผมเดินทางถึงสนามบินดอนเมืองและเดินลงจากเครื่องบินเดินไปยังจุดบริการรถแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับบ้านพักของผม

เวลา 22:45 น.” ผมขึ้นรถแท็กซี่เดินทางกลับถึงบ้านพักของผมโดยสวัสดิภาพ ถือว่าเป็นการปิดทริปการเดินทางสู่จังหวัดกระบี่เป็นครั้งแรกของผมอย่างเป็นทางการ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดระหว่างที่ได้เที่ยวทริปกระบี่ มิตรภาพใหม่ๆ เพื่อนนักเดินทางใหม่ๆที่ได้เจอกัน ส่วนผมยังคงดำเนินแนวทางการเดินทางคนเดียวขอผมต่อไป แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าครับ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปในทริปนี้

  • ศึกษาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวให้มากที่สุด
  • อย่าตั้งความหวังไว้มากไม่ว่าจะเรื่องไหน จะได้ไม่ผิดหวังมาก
  • เตรียมรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยว
  • อย่าดื่มเยอะเพราะมันจะเปลืองเงิน
  • เชื่อฟังคำเตือนของไกด์นำเที่ยวในทุกๆเรื่อง
  • เวลาดำน้ำแบบ Snokeling แนะนำให้ใส่เสื้อชูชีพเพราะมันจะช่วยพยุงตัวเราไม่ให้โดนหินและปะการัง
  • อาจจะเจอสภาพอากาศที่ไม่ดีขณะที่ออกทัวร์
  • เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้งทั้งก่อนออกเดินและระหว่างทริป
  • รักษามิตรภาพที่เจอให้ยาวนานและยั่งยืน

สรุปค่าใช้จ่ายของผมในการเดินทางในทริปนี้ครับ ดื่มมากไปนิดค่าใช้จ่ายเลยบานปลาย เพราะทริปนี้ผมเงินไปทั้งสิ้น 7,035 บาท

รูปถ่ายส่งท้ายทริปนี้ที่กระบี่

นักเดินทางไม่มีคำว่าสิ้นสุด วันๆนั่งคิดนั่งหาข้อมูลสถานที่ใหม่ที่ยังไม่เคยไปและทุกๆครั้ง ทุกๆที่ที่ได้ออกเดินทางผมมักจะได้เจอกับมิตรภาพใหม่ๆเสมอ ทริปนี้ก็เช่นกัน มีโอกาสคงได้เจอกันอีกครับ การเยือนจังหวัดกระบี่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและเป็นทริปที่ดีที่สุดทริปหนึ่งเลย

^_^ ****** ^_^ สวัสดี ^_^ ***** ^_^

ทัวร์ในประเทศไทย


บทความที่เกี่ยวข้อง