ฝนพรำทำให้ผมนึกถึงธรรมชาติที่เขียวขจี การเดินทางเข้าป่า การเดินขึ้นเขา ขึ้นดอย และการไปเยี่ยมเยียนตามอุทยานแห่งชาติต่างๆ หลังจากที่ผมได้ลงใต้ ไปอิสานในช่วงที่ผ่านมา ครั้งนี้ผมเลือกที่จะออกเดินทางไปเที่ยวที่ “บ้านห้วยห้อม” ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ครับ
ที่บ้านห้วยห้อม เป็นหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ซึ่งทำให้อากาศที่นี่เย็นสบายและมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 20-21 ตลอดทั้งปี
การเดินทางไปที่บ้านห้วยห้อมของผมครั้งนี้ ผมได้แพลนที่จะไปเที่ยวยังสถานที่อื่นๆที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปที่บ้านห้วยห้อมด้วยซึ่งมีดังนี้
แต่หากว่าผมมีเวลาเหลือหรือมากพอก็ว่าจะแวะเที่ยวชมยังสถานที่อื่นๆด้วย
วันที่ 23 กรกฏาคม 2561
เวลา 23:30 น. ผมออกเดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต ด้วยรถทัวร์โดยสารของบริษัทนครชัยแอร์มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่
หลายคนอาจจะสงสัยว่าผมจะไปเที่ยวที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแต่แล้วทำไมผมต้องนั่งรถทัวร์ไปลงที่จังหวัดเชียงใหม่ สาเหตุก็เนื่องด้วยเวลาที่ผมเลิกงานมันไปไม่ทันรถทัวร์ที่ไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนและรถทัวร์ที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีแค่รถทัวร์ของบริษัทสมบัติทัวร์เท่านั้นแถมรถทัวร์รอบสุดท้ายออกเดินทางในเวลา 19:30 น. ด้วย ทำให้ไม่ทันแน่ๆ อีกอย่างหนึ่งคือการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ไปยังแม่ฮ่องสอนค่อนข้างง่ายกว่า รวมถึงการเช่าหารถก็ง่ายกว่าครับ
ตามตารางเดินรถทัวร์ของบริษัทนครชัยแอร์ ผมจะเดินทางถึงจังหวัดเชียงใหม่ในเวลา 07:50 น. การเดินทางครั้งนี้ร่างกายของผมไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไหร่นัก เนื่องมีเป็นไข้หวัด ผมจึงเปลี่ยนจากการเช่ารถมอเตอร์ไซค์มาเป็นรถยนต์แทน อีกสาเหตุหนึ่งก็คือเป็นช่วงฤดูฝนด้วยแหละครับ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมต้องการผมก็ได้เช่าและนัดรับกันไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนตอนนี้ผมขอพักผ่อนก่อนนะครับ
วันที่ 24 กรกฏาคม 2561
เวลา 08:15 น. ผมเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้วครับ รถทัวร์มาถึงช้านิดหน่อย เพราะระหว่างการเดินทางเมื่อคืนฝนตกตลอดทำให้รถทัวร์เพิ่มการระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น พอลงจากรถผมก็ได้ทำการติดต่อกับเจ้าของรถยนต์ที่ผมได้ทำการเช่าไว้ ผมนัดกับเจ้าของรถยนต์ไว้ที่หน้าสถานีขนส่งนครชัยแอร์ครับ
เจอกันแล้วครับ ผมเช่ารถผ่าน Website ของบริษัท Drivehub ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนหารถเช่าให้นักท่องเที่ยว ส่วนตัวผมได้ Mr. Car CarRent & Home มาให้บริการเรื่องการเช่ารถครับ หากใครสนใจติดต่อได้ตามนี้เลยนะครับ
เจ้าของเป็นเด็กหนุ่มไฟแรง บริการดี สำหรับการเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเช่ารถยนต์ขับไปเที่ยวเลยครับ ผมเลือกเช่ารถรุ่น Toyota New Vios 2018 รถยนต์ Eco ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครับ ออกเดินทางไปเที่ยวด้วยกันครับ
เวลา 09:00 น. หลังจากที่ผมทำสัญญาเช่ารถยนต์เรียบร้อยแล้ว ผมก็มุ่งหน้าออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางของเราในทริปนี้ที่ “บ้านห้วยห้อม”
ผมใช้เวลาขับรถยนต์จากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง ผมก็เดินทางมาถึง อุทยานแห่งชาติออบหลวง
เดิมทีผมคิดว่าใช้เวลาขับรถไม่น่าจะเกิน 2 ชั่วโมงแต่เนื่องจากผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวาน ผมจึงแวะหาอะไรกินก่อนเพื่อเติมพลังตามธรรมเนียมครับ ในเมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติแล้วก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าบำรุงรักษาอุทยานฯ กันก่อนครับ ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น ช่องน้ำผ่าน , หลุมศพโบราณ , ภาพเขียนสี , จุดชมวิวช้างเผือก และสิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเกิดความสนใจมาก
ผมเดินเที่ยวชมบริเวณรอบๆ ไปยังจุดที่น่าสนใจหลายๆจุด และเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวช้างเผือก ระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวช้างเผือกก็จะผ่าน หลุดฝังศพโบราณ , ลานหินแกรนิต , และ ภาพเขียนสี ก่อนยุคประวัติศาสตร์
จากจุดชมวิวช้างเผือก เราสามารถมองเห็นด้านล่างที่เป็นถนนที่ใช้สัญจรไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ผมใช้เวลาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ สำหรับการเที่ยวชมอยู่ที่นี่จากนั้นผมก็เริ่มออกเดินทางต่อถึงเวลาบ่ายคล้อย จากอุทยานแห่งชาติออบหลวงผมขับรถต่อมาอีกประมาณ 20 กิโลเมตร ผมก็เดินทางมาถึง สวนสนบ่อแก้ว แล้ว ดูจากบรรยากาศภายนอกค่อนข้างร่มรื่นและโรแมนติกมากครับ
วันที่ผมเดินทางไปเป็นวันธรรมดานักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างบางตาไปพอสมควร
ซึ่งนั่นทำให้ผมสะดวกสบายในการถ่ายภาพมาก เดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆ สิ่งที่ผมคิดไว้มันก็เกิดขึ้น ฝนเริ่มตก ตกลงมารื่อยๆ ผมจึงตัดสินใจที่จะเดินทางต่อ อีกอย่างหนึ่งก็กลัวว่าจะไปถึงที่บ้านห้วยห้อมจนเย็นค่ำ ถึงตอนนี้ผมเริ่มหิวมากแล้วตอนแรกก็กะว่าจะแวะหาร้านข้าวข้างทางกินแต่การเดินทางของผมยังไปไม่ถึงไหนเลย จึงทำได้เพียงแค่ซื้อขนมขบเคี้ยวขึ้นมานั่งกินบนรถพลางขับรถไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลาจนในที่สุดผมก็ขับรถเข้ามาถึงเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว
หลังจากที่แวะเที่ยวชมตลอดสองข้างทาง จากนี้ไปก็อีกไม่ไกลแล้วครับ ผมก็จะถึงอำเภอแม่สะเรียงและอำเภอแม่ลาน้อยตามลำดับครับ
เข้าเขตอำเภอแม่สะเรียง ผมแวะปั้มน้ำมันเพื่อซื้อของกินติดรถเพิ่ม และคิดว่าจะไปกินมื้อเย็นที่โฮมสเตย์ที่เดียวเลย จากอำเภอแม่สะเรียงไปยังอำเภอแม่ลาน้อยระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตรครับ
ผมใช้เวลาอีกไม่นาน ผมก็ขับรถเข้าเขตของอำเภอแม่ลาน้อย และมองเห็นป้ายบอกทางที่จะไปบ้านห้วยห้อมด้วย
จากถนนสายหลักผมต้องขับรถขึ้นไปบนภูเขาอีก ซึ่งจากตรงนี้ผมก็ขับรถยนต์มองตามป้ายไปตลอดทาง แต่ในหัวก็คิดอยู่เสมอว่าถ้าเจอตรงไหนมีวิวสวยๆก็จะแวะถ่ายรูปอีก (เย็นแล้ว หิวแล้ว) ผมขับรถยนต์ขึ้นสูงเรื่อยๆ
ยิ่งขับรถขึ้นสูงเท่าไหร่ ผมก็เห็นมุมมองที่กว้างขึ้นและสวยขึ้น มันทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะคว้ากล้องแล้วเดินลงจากรถยนต์เพื่อถ่ายภาพ ถึงตอนนี้แล้วฝนยังคงตกอยู่เรื่อยๆ เบาบ้าง แรงบ้าง
ผมมองจากป้ายบอกทางแล้วคงอีกไม่ไกลก็จะถึงโฮมสเตย์ที่ผมจะเข้าพักในคืนนี้ แต่ระหว่างทางที่ผมขับรถยนต์ออกมาจากจุดที่ผมแวะถ่ายภาพนั้นผมก็ต้องพบกับอุปสรรคเข้าให้แล้ว
ต้นไม้ล้มขวางถนน ผมไม่สามารถเดินทางต่อได้แต่ก็ถือว่าโชคดีที่มีชาวบ้านขับรถสัญจรออกมาพอดี ผมและชาวบ้านจึงช่วยกันตัดต้นไม้และเก็บไว้บริเวณข้างทางและออกเดินทางต่อครับ
จนในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงยังบ้านห้วยห้อมแล้ว
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาน้องหมีน้อย เพื่อสอบถามเส้นทางไปยังบ้านพักที่เราได้ทำจองกันไว้ตั้งแต่แรก หมู่บ้านห้วยห้อมเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่กลางหุบเขา ชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพทำไร่กาแฟ ทอผ้า ทอขนแกะ และทำนา ครับ
เวลา 16:30 น. ผมเดินทางมาถึงบ้านน้องหมีน้อยแล้วน้องลงมาต้อนรับและพาชมเดินชมผลิตภัณฑ์ต่างๆของชมชุนและจุดชมวิวที่อยู่ข้างหลังบ้านของน้องหมีน้อย
ซึ่งเป็นวิวนาขึ้นบันไดและช่วงที่ผมเดินทางไปนั้นชาวบ้านเพิ่งเริ่มหว่านเมล็ดได้ 2 สัปดาห์เศษครับ
สำหรับครอบครัวของบ้านน้องหมีน้อยนั้นเป็นบ้านแรกในหมู่บ้านที่เริ่มทำโฮมสเตย์และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นบ้านของน้องหมีน้อยจึงเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านและเป็นตัวกลางในการจัดการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนที่นี่ และในส่วนบ้านของน้องหมีน้อยเองก็มีห้องพักทั้งแบบรวมคิดราคาคนละ 150 บาท ค่าอาหารมื้อละ 70 บาท บ้าน และเป็นหลังแบบส่วนตัวอยู่ที่ 800 บาทรวมอาหารให้ด้วยครับ แต่คืนนี้ผมไม่ได้พักที่บ้านน้องหมีน้อยนะครับ ผมต้องไปพักอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่เลยบ้านน้องหมีน้อยไปประมาณ 500 เมตร
เจ้าของบ้านที่ผมจะไปพักมานั่งรอรับผมอยู่หน้าบ้านของน้องหมีน้อย จากนั้นผมก็ขับรถยนต์ตามไปยังที่บ้านของพี่เจ้าของบ้านครับ ผมจอดรถยนต์มาถึงที่บ้านที่ผมจะพักคืนนี้แล้ว ผมขนกระเป๋าสัมภาระไปยังด้านบนของบ้านครับ และสิ่งที่ผมได้เห็นนั่นก็คือ
วิวจากด้านบนของบ้านสวยงามมากครับ นี่ยังไม่ได้จ่ายเงินผมก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วครับ
ผมขอแนะนำตัวพี่ๆเจ้าของบ้านก่อนนะครับ บ้านที่ผมมาพักคืนนี้มีสมาชิกอยู่กัน 3 คนประกอบไปด้วย แม่วนิดา , พี่นานา(ลูกสาว)และพี่บิว(ลูกเขย) พอรู้จักกันแล้วทีนี้การสื่อสารมันก็ดูง่ายขึ้นครับ
ผมทนอยู่กับความหิวมานานพอสมควร พอมาถึงก็รีบขอให้พี่บิวเจียวไข่ให้กินก่อนได้ไหมเพราะตอนนี้ไม่ไหวแล้ว พี่บิวจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปทำไข่เจียวตามคำขอของผม
ส่วนพี่นานาและแม่วนิดาก็จัดการทำกับข้าวอย่างอื่นไปด้วย ผมจะได้กินข้าวเย็นพร้อมกันทีเดียวไปเลยครับ ระหว่างที่ผมรออาหารมื้อเย็นอยู่นั้น ผมก็ใช้เวลาที่ว่างอยู่เดินเล่น เดินสำรวจบริเวณรอบๆ หมู่บ้าน ที่หมู่บ้านห้วยห้อมนี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ครับปลูกอะไรก็ขึ้น ต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด
เวลา 17:30 น. พี่บิวเรียกบอกผมว่าอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้วให้ขึ้นมากินได้เลย
กับข้าววันนี้ประกอบไปด้วย ต้มหน่อไม้ , ไข่เจียว , น้ำพริกหมูสับ , ปลาทูทอด ครับ กับข้าวที่เรียบง่ายกับวิวหลักล้านมันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากครับ มากินข้าวเย็นด้วยกันครับ
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนครับ เพราะว่าอากาศเริ่มเย็นลงแล้วและขอบอกเลยว่าน้ำที่นี่ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าหนาวก็เย็นทุกขันนะครับผม
หลังที่กินข้าวเสร็จ อาบน้ำเสร็จ ผมก็มานั่งคุณกับพี่บิวกับพี่นานา พลางพี่นานาก็บรรจุกาแฟใส่ห่อเพื่อจะนำไปส่งลูกค้าในวันพรุ่งนี้ด้วย พวกเรานั่งคุยกันจนคุ้นชินและสนิทใจกันมากขึ้น พวกเราจึงนั่งจิบน้ำชาเพื่อเพิ่มอรรถรสการสนทนาให้มากขึ้น
พวกเรานั่งกิน นั่งดื่ม จนถึงเวลาอันเป็นสมควรทุกคนก็พากันแยกย้ายเข้านอน ยิ่งตัวผมเองแล้วต้องพักให้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถเดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่อีก
เวลา 23:15 น. ได้เวลาเข้านอนแล้ว ผมขอตัวเข้านอนก่อนนะครับแล้วพบกันในวันพรุ่งนี้ครับ
วันที่ 25 กรกฏาคม 2561
เวลา 07:00 น. ผมตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความสดชื่นและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมมาก พี่นานาชงชามาตั้งรอไว้ที่ระเบียง
ผมนั่งจิบชา แล้วกันนั่งคุยกับพี่นานาไปด้วย วันนี้ผมตั้งใจออกจากที่บ้านห้วยห้อมตอน 9 โมงเช้า จะได้เหลือเวลาแวะตลาดซื้อของฝากกับไปฝากเพื่อนๆที่ทำงานด้วย
เสียงแม่พี่นานากำลังสับหมูเพื่อทำอาหารเช้าให้ผมกินก่อนออกเดินทาง ระหว่างที่ผมนั่งรอมื้อเช้าอยู่ผมก็ออกไปเดินเล่นยังนาขั้นบันไดที่อยู่ด้านหลังบ้านของน้องหมีน้อยด้วยครับ ซึ่งเมื่อวานผมได้แต่ถ่ายภาพอยู่ด้านบนครับ
ถึงตอนนี้แล้วฝนยังไม่หยุดตกเลย ยังคงตกเหมือนเมื่อวานครับ ทางเดินไปยังนาขั้นบันไดก็ค่อนข้างแฉะและลื่น
ทำให้การเดินของผมลำบากเล็กน้อยครับ แต่เพื่อภาพที่สวยงามผมยินดีอยู่แล้ว
เดินถ่ายภาพจนหนำใจผมก็เดินกลับไปยังบ้านพักเพื่อไปกินอาหารเช้าครับ พอกลับมาถึงพี่นานาก็เตรียมข้าวเช้าไว้รอผมแล้วครับ
หลังจากอาหารเช้าผมไปอาบน้ำและจัดเก็บสัมภาระตามลำดับ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่ก่อนเดินทางกลับผมก็ไม่พลาดที่จะลืมลิ้มลองกาแฟอะราบริก้าที่มีชื่อเสียงของที่นี่ครับ
และเช้านี้พี่บิวก็จะทำกาแฟให้ผมได้ลิ้มลอง และนี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของผมในรอบหลายๆปีเลยครับที่จะได้ดื่มกาแฟ
กาแฟที่นี่หอม อร่อย สมคำล่ำลือจริงๆ ผมนั่งจิบกาแฟบวกกับบรรยากาศที่ดีมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากเลย นั่งจิบกาแฟจนเพลินหันไปดูเวลาแล้วถึงกับต้องตะลึง….นี่มันเกือบ 10 โมงแล้ว !!!
เวลา 10:15 น. เดิมทีผมกะจะเดินทางกลับตอนเวลา 9 โมงเช้าแต่นี่กินเวลาเข้าไป 10 โมงแล้ว ผมกล่าวคำล่ำลากับทุกคน
ต้องขอบคุณพี่นานา พี่บิว แม่วนิดา ที่ดูแลผม เอาใจใส่ ให้ความเป็นกันเอง ตลอดเวลาที่ผมได้อยู่ที่นี่ จนผมให้ผมรู้สึกว่าเหมือนได้อยู่บ้านตัวเองเลยครับ ไปครับออกเดินทางกันดีกว่าครับ มุ่งหน้าสู่โครงการหลวงแม่ลาน้อยกันต่อครับ
ผมขับรถออกจากหมู่บ้านห้วยห้อมมุ่งหน้าสู่โครงการหลวงแม่ลาน้อยต่อครับ จากบ้านห้วยห้อมมาถึงบ้านทางเข้าโครงการหลวงระยะทางน่าจะประมาณ 5-6 กิโลเมตรเห็นจะได้ครับ และจากปากเข้าผมต้องขับรถยนต์เข้าไปอีก 6 กิโลเมตรก็จะถึงบ้านดง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโครงการหลวงครับ
ระหว่างทางที่ผมขับรถเข้าไปในโครงการหลวงแม่ลาน้อยนั้น ข้างทางเต็มไปด้วยบรรยากาศของนาขั้นบันได
ผมจอดรถยนต์ถ่ายภาพอย่างเพลิดเพลิน พลางนั่งรับอากาศอันบริสุทธิ์
ส่วนในตัวของโครงการนั้นก็มีบ้านพักไว้บริการให้นักท่องเที่ยวด้วยนะครับ หากท่านใดสนใจก็ติดต่อกับทางโครงการหลวงแม่ลาน้อยได้โดยตรงเลยนะครับ
และนี่ก็เป็นสถานที่สุดท้ายสำหรับผมในทริปนี้ครับ แต่การมาที่นี่ของผมจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากผมไม่ได้รับความช่วยเหลือและการประสานงานจากเพื่อนผม ก่อนเดินทางกลับผมแวะไปทักทายเพื่อนผมสมัยที่เรียนมหาวิยาลัย ที่ทำงานอยู่ที่ อบต. แม่ลาน้อย ครับ
หลังจากได้พบเจอและพูดคุยกับเพื่อนผมแล้วผมก็ขับรถยนต์เดินทางกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ต่อครับ
สำหรับเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางกลับนั้น ผมใช้เส้นทางคนละเส้นทางกับตอนเดินทางมาที่นี่ เพื่อจะได้เจอสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ระหว่างเดินทางกลับครับ
เวลา 14:30 น. การเดินทางของผมในครั้งนี้ตั้งแต่วันที่เดินทางมาถึงจนถึงวันที่ต้องเดินทางกลับ ตลอดทั้งเส้นทางเจอแต่ฝน แล้วก็ ฝน ทำให้ชุกคิดขึ้นมาว่าถ้าเราเช่ามอเตอร์ไซค์มาคงเละแน่นอน
ถึงตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปเกือบจะเย็นแล้วผมเพิ่งเดินทางมาถึงอำเภอขุนยวมเอง จากอำเภอขุนยวมผมจะต้องเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอแม่แจ่ม
ผมคือผู้พิชิต 1,864 โค้งในการเดินทางด้วยรถยนต์ตามเส้นทางอำเภอขุนยวม – อำเภอแม่แจ่ม
เวลา 18:30 น. หลังจากขับรถยนต์ลุยฝนมาตลอดทั้งเดินทางไปและเดินกลับ ในที่สุดผมก็เดินทางกลับมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นผมก็มุ่งหน้าไปยังตลาดพะยอมเพื่อหาซื้อของฝากให้เพื่อนๆ ซึ่งนานๆทีผมจะซื้อของฝาก
พอซื้อของฝากเสร็จผมก็เดินทางไปยังสนามบินเพื่อนำรถยนต์ที่เช่ามาไปคืนและเดินทางกลับกรุงเทพฯ ตามลำดับครับ
สำหรับการเดินทางกรุงเทพฯ นั้นผมโดยสารเครื่องบินของสายการบินนกแอร์กลับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและผมเองจะได้มีเวลาที่พักผ่อนมากขึ้น
การเดินทางไปยังอำเภอแม่ลาน้อย
โดยรถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 สายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ผ่านแม่สะเรียง มุ่งหน้าอำเภอแม่ลาน้อยถึง กม.132 ให้เลี้ยวขวาไปตาม เส้นทาง 1266 ขึ้นดอยอีก 30 กิโลเมตร รถทุกชนิดสามารถสัญจรได้ (ไม่มีรถโดยสารสาธารณะผ่าน)
โดยรถโดยสารสาธารณะ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด โทร. 0 5361 1318
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดเดินทางไปถึงที่ตัวอำเภอแม่ลาน้อยแล้วจะขึ้นไปพักยังโฮมสเตย์ที่บ้านห้วยห้อม ก็ต้องลองติดต่อกับชาวบ้านดูนะครับว่ามีบริการรับ-ส่ง หรือเปล่า
ที่พักโฮมสเตย์บ้านบ้านห้วยห้อม
สถานที่ท่องเที่ยวระหว่างการเดินทาง
และนี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผมขับรถยนต์ผ่านในการเดินทางครั้งนี้ แต่แวะไม่ครบทุกที่นะครับ
เวลา 22:00 น. สายการบินเปิดประตูให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ ทุกครั้งที่ผมได้ขึ้นเครื่องบิน หัวใจผมเต้นแรงและรัวแบบไม่เป็นจังหวะ ไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่าทำไม เพราะคำว่า “กลัว” และ “ตื่นเต้น” นี่แหละครับ
เวลา 23:05 น. ผมเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯ จากนั้นผมก็เดินทางต่อด้วยแท็กซี่เพื่อกลับบ้านพักและนี่ถือว่าเป็นการปิดทริปอย่างสมบูรณ์แบบของผม แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไป
“ทุกการเดินทาง ทุกเรื่องราว ที่เกิดขึ้นมันล้วนแต่เป็นความประทับใจ แอบยิ้มมุมปากทุกครั้งที่ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้อยู่กับวิถีชาวบ้าน จนทำให้คิดว่าวันหนึ่งอยากหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่เพื่อออกมาใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายบ้าง ทริปนี้เป็นทริปหนึ่งที่ผมมีความสุข และ สนุก กับการเดินทางมาก ได้เห็นความมีน้ำใจของคนที่ห้วยห้อม จนทำให้ผมรู้สึกอยากกลับที่นั่นอีกครั้ง”
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวในการเดินทางครั้งนี้
ภาพถ่ายส่งท้ายประจำทริปนี้
ผมหวังว่าบันทึกการเดินทางของผมในครั้งนี้คงจะสร้างความประทับใจสำหรับคนที่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านนะครับ แล้วพบกันใหม่