สวนญี่ปุ่น มีการจัดสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโบราณในยุค Heian (ค.ศ. 784-1185) โดยเชื่อว่าได้รับอิทธิพลบางส่วนมาจากประเทศจีน ปัจจุบันมีการผสมผสานกับพุทธศาสนานิกายเซน คือใช้ส่วนผสมของหินเข้ามา ทำให้การจัดสวนญี่ปุ่นนั้นมีสไตล์เรียบง่ายยึดแนวคิดที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยเน้นที่พื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ต่างๆ ซึ่งหลักๆจะมีสนญี่ปุ่น บอนไซ และสนามหญ้าแบบโปร่ง ๆ แต่ก็มีบ้างที่ประดับประดาด้วยไม้ดอก เช่น อาซาเลีย, วิสทีเรีย, ไอริส, ซากุระ และบ๊วย เป็นต้น
สวนญี่ปุ่น Japanese Garden
นอกจากต้นไม้สีเขียวแล้ว ยังมีองค์ประกอบหลักอีก 2 ส่วน นั้นคือ น้ำ ซึ่งอาจเป็นบึงและอาจทำเป็นน้ำตกเล็กๆโดยจะมีปลาคาร์พซึ่งเป็นสัตว์มงคลว่ายอยู่ ที่ด้านข้งบึงน้ำจะมีสะพานและตะเกียงหินอยู่ด้วย อีกองค์ประกอบหลักนั่นคือ หิน ซึ่งมักจัดวางในสนามหญ้าหรือในลานกรวดสีขาวที่ถูกคราดจัดแต่งไว้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความบริสุทธิ์โดยการจัดสวนแบบนี้ เป็นการยึดตามหลักความเชื่อที่ว่า น้ำและหิน คือ หยินและหยาง ธาตุที่อยู่ตรงข้ามกันเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งสัจธรรมและกฎแห่งความสมดุลของธรรมชาตินั่นเอง
สวนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ใกล้กับปราสาท ศาลเจ้า หรือวัดสำคัญๆ เดิมที่ใช้เพื่อเป็นการพักผ่อน หรือเป็นเรือนน้ำชาของบุคคลสำคัญ เราจึงมักจะเห็นว่ามีเรือนน้ำชาอยู่ในสวนญี่ปุ่นเสมอ ปัจจุบันในหลาย ๆ สวนได้เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปร่วมการชงชาได้ด้วย ดังนั้นหากมีโอกาสก็ขอแนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมการชงชาทานขนมโบราณ นั่งชมสวนร่วมกับชาวญี่ปุ่น ซึ่งเราจะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอีกมุมหนึ่งที่ดูเรียบง่ายและเงียบสงบ
สวนซุยเซนจิ (Suizenji Jojuen)
เมือง Kumamoto, จังหวัด Kumamoto, ภูมิภาค Kyushu
สวนเก่าแก่ประจำเมืองคุมาโมโตะ สร้างมานานกว่าสามร้อยปีโดยไดเมียวในตระกูลโฮโซกาวะ (Hosokawa) และยังมีรูปปั้นของท่านผู้สร้างสวนแห่งนี้อยู่ด้วย สวนแห่งนี้เป็นสวนขนาดใหญ่
จัดแต่งอย่างสวยงามตามแบบสวนญี่ปุ่นและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ภายในสวนมีหลายจุดให้เยี่ยมชม กลางสวนมีสระน้ำขนาดใหญ่ น้ำใสแจ๋วจนมองเห็นฝูงปลาคาร์พตัวใหญ่บึ้มว่ายไปมานักท่องเที่ยวสามารถแวะให้อาหารปลาได้ด้วย จุดเด่นอีกอย่างคือด้านหลังของสระมีเนินภูเขาไฟฟูจิจำลองตั้งเด่นและถูกตัดแต่งหญ้าอย่างเรียบเสมอกัน นอกจากนี้สามารถเดินเล่นไปเยี่ยมชมโรงละครโนะเก่าแก่ (Noh Theater), ศาลาชงชาริมสระ,สวนท้อ, ต้นซากุระและเมเปิ้ล, ร้านขายของที่ระลึก และอีกหลายจุดที่สามารถแวะถ่ายรูปได้มุมสวยๆ ตามอัธยาศัยภายในสวนมีศาลเจ้าชินโต (Izumi Shrine) ตั้งอยู่ด้วย สามารถแวะไปไหว้ขอพรได้
การเดินทาง : จากตัวเมือง Kumamoto เมืองหลักของจังหวัด Kumamoto จากสถานีรถไฟ JR Kumamoto ให้เดินมาขึ้นรถรางสาย A ที่ป้าย Kumamotoekimae ไปลงป้าย Suizenji Koen จากนั้นเดินต่ออีกราวๆ 3 นาที ระยะทางประมาณ 200 เมตร
เวลาเยี่ยมชม : 07:30-17:30 น. (พ.ย.-ก.พ. 08:30-16:30 น.)
ค่าใช่จ่าย : 400 เยน
เมือง Hiroshima, จังหวัด Hiroshima, ภูมิภาค Chugoku
สวนชุกเคเอ็น (Shukkei-en)
สวนชุกเคเอ็น ชื่อนี้มีความหมายว่า Shrink-Scenery Garden ทั้งนี้เพราะมีการออกแบบโดยจำลองภูเขาหุบเขา ป่า และทะเลสาบ มาจากภูมิทัศน์ของทะเลสาบซีหูในประเทศจีน แต่ย่อส่วนลงมาเป็นสวนที่มีพื้นที่ขนาดพอเดินเล่นได้แบบไม่เหนื่อยมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินลัดเลาะไปได้เรื่อยๆ ตามเส้นทางเดินเล็กๆ โดยรอบสวนหากรู้สึกเมื่อยก็จะมีศาลาให้แวะพักชื่นชมทิวทัศน์ได้เป็นระยะ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของสวนชุกเคเอ็นคือ สะพานโค้งสายรุ้ง ซึ่งเป็นสะพานหินทอดข้ามสระน้ำที่เป็นศูนย์กลางของสวนสวนนี้สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1620 ได้รับความเสียหายหนักจากระเบิดปรมาณูช่วงปลายสงครามโลกครี้งที่สอง (ค.ศ. 1945) แต่ได้รับการฟื้นฟูและเริ้มเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี ค.ศ. 1951
การเดินทาง : จากตัวเมือง Hiroshima ให้นั่งรถรางสาย 1, 2, 6 จากป้าย Hiroshima มาลงป้าย Hatchobori แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย 9 ไปลงป้าย Shukkeien-mae จากนั้นเดินต่อไปอีกประมาณ 250 เมตร
เวลาเยี่ยมชม : เม.ย.-ก.ย. เปิด 09:00-18:00 น. ต.ค.-มี.ค. ปิด 17:00 น.
ค่าใช้จ่าย : 260 เยน
ย่าน Tachikawa, จังหวัด Tokyo, ภูมิภาค Kanto
สวนโชวะคิเนน (Showa Kinen)
สวนโชวะคิเนนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี ของจักรพรรดิโชวะ ภายในจัดโซนต่างๆ มากมาย อาทิ ลานน้ำพุ เนินดอกไม้ทุ่งดอกไม้ ลานกลางแจ้ง หมู่บ้านวัฒนธรรม และ Children’s Forest
และไฮไลท์ที่สำคัญ และมีชื่อเสียงที่สุดของสวนโชวะคิเนน คือสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่มีภูมิทัศน์งดงาม เรือนน้ำชาศาลาชมวิว ล้วนตั้งอยู่ริมสระน้ำ โดยมีสวนบอนไซ สวนดอกไม้ รวมถึงลานกรวดหิน กระจายตัวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบแบบแผน บริเวณฝั่งตะวันออกของสระมีสะพานไม้เตี้ยๆ พาดผ่านกลางสระ จุดนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของสวนญี่ปุ่นได้โดยไม่มีสิ่งบดบัง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินรอบสวนที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลญี่ปุ่น ซึ่งจะงดงามมากในฤดูใบไม้ร่วง
การเดินทาง : จากตัวเมือง Tokyo ที่สถานี JR Tokyo นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี JR Nishi-Tachikawa จากนั้นเดินทางจากปากทางเข้าสวนไปราว 1.5 กม. จะถึงบริเวณสวนญี่ปุ่น
เวลาเยี่ยมชม : 1 มี.ค.-31 ต.ค. 09:30-17:00 น. 1 พ.ย.-29 ก.พ. 09:30-16:30 น. เสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 09:30-18:00 น.
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 410 เยน, นักเรียน 80 เยน, ผู้สูงอายุ 210 เยน
ย่าน Bunkyo, จังหวัด Tokyo, ภูมิภาค Kanto
สวนริคุกิเอ็น (Rikugien Garden)
สวนริคุกิเอ็น ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือของกรุงโตเกียว สวนญี่ปุ่นนี้ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1695 โดยไดเมียวยานางิซาวะ โยชิยาสุ (Yanagisawa Yoshiyasu) หนึ่งในไดเมียวที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสมัยเอโดะ ภายในสวนมีหลายจุดให้เยี่ยมชมและมี 88 จุดที่ได้ตั้งชื่อตามสถานที่สำคัญทั้งในญี่ปุ่นและจีน บางจุดถูกตั้งชื่อตามเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจีน รวมถึงมีการอ้างอิงกลอนวากะ (รูปแบบของกลอนญี่ปุ่นโบราณประเภทหนึ่ง) อีกด้วยทางเดินส่วนใหญ่ภายในสวนได้รับการออกแบบอย่างเรียบง่าย เหมาะสำหรับการเดินเล่น ชมสวนนอกจากนี้ยังมีภูเขาจำลองเป็นฉากหลังให้กับสวนแห่งนี้ด้วย
การเดินทาง : จากตัวเมือง Tokyo ที่สถานี JR Ueno นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี JR Komagome จากนั้นเดินต่ออีก 200 เมตร
เวลาเยี่ยมชม : 08:00-17:00 น.
ค่าใช้จ่าย : 300 เยน